สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 24 ก.ย. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าครั้งใหม่เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข่าวที่ว่าจีนได้ยกเลิกการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ก.ย. ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,562.05 จุด ร่วงลง 181.45 จุด หรือ -0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,919.37 จุด ลดลง 10.30 จุด หรือ -0.35% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,993.25 จุด เพิ่มขึ้น 6.29 จุด หรือ +0.08%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้เริ่มบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าครั้งใหม่เมื่อวานนี้ อย่าไรก็ตาม หุ้นสกาย และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส พุ่งขึ้นสวนทางการติดลบของตลาด ขานรับข่าวการซื้อกิจการ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 382.47 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,350.82 จุด ลดลง 80.06 จุด หรือ -0.64% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,476.17 จุด ลดลง 18.00 จุด หรือ -0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,458.41 จุด ลดลง 31.82 จุด หรือ -0.42%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด อย่างไรก็ตาม หุ้นสกาย และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส พุ่งขึ้นสวนทางการติดลบของตลาด ขานรับข่าวการซื้อกิจการ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,458.41 จุด ลดลง 31.82 จุด หรือ -0.42%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก ได้ตัดสินใจคงกำลังการผลิตน้ำมัน โดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องจากประธานาธิบดีสหรัฐที่ต้องการให้เพิ่มปริมาณน้ำมันในตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 72.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 2.40 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 81.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย. 2557
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.1 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 1,204.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.8 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 14.341 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 30 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 829.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.70 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,051.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่าดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐทรงตัวในเดือนส.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ส่วนเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น ขานรับรัฐมนตรีของอังกฤษที่แสดงความเชื่อมั่นว่าสหราชอาณาจักรจะสามารถทำข้อตกลง Brexit กับสหภาพยุโรป (EU)
เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3118 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3066 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1758 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1747 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7270 ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.71 เยน จากระดับ 112.55 เยน ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส 0.9632 ฟรังก์ จากระดับ 0.9587 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2940 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2912 ดอลลาร์แคนาดา