โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” STA ชี้แผนขยายธุรกิจ “ถุงมือยาง” ดันกำไรโตต่อเนื่อง

โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” STA ชี้แผนขยายธุรกิจ "ถุงมือยาง" ดันกำไรโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 62 ธุรกิจถุงมือยางจะทำกำไรสุทธิได้เพิ่มเป็น 50% จากเดิม 40% ของกำไรสุทธิทั้งหมด


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับหุ้น บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA หลังพบว่านับตั้งแต่เดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรง นับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 12.60 บาท เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 61 ซึ่งคิดเป็นการปรับตัวขึ้นมา 3.40 บาท หรือ 27%

อนึ่งก่อนหน้านี้ นางสาวทิพย์วดี สุดเวหา ผู้จัดการกลุ่มงานนักลงทุนสัมพันธ์ของ STA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทงวดครึ่งหลังของปี 2561 กำไรสุทธิมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ที่มีกำไรสุทธิ 1,423.75 ล้านบาท เนื่องจากมีการวางกลยุทธ์เน้นขายสินค้าที่ให้กำไรสูง

โดยช่วงไตรมาส 4/2561 จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของถุงมือยาง ซึ่งเป็นธุรกิจปลายน้ำ เนื่องจากมีความต้องการใช้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และถุงมือยางให้อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงซึ่งปัจจุบันทำได้ที่ระดับ 20-22% จากเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 18% จึงถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง

ทั้งนี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายตลาดถุงมือยางอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรไม่ผันผวน โดยปัจจุบันมีสินค้าประมาณ 40-50 รายการ ซึ่งถือว่ามีความหลากหลาย และสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ พร้อมกับเดินหน้าขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าสิ้นปี 2561 จะมีกำลังการผลิตถุงมือยางจะอยู่ที่ระดับ 17,000 ล้านชิ้นต่อปี ปรับเพิ่มขึ้น 3,200 ล้านชิ้น จากปี 2560 สำหรับปัจจุบันมีโรงงานรวม 4 แห่ง

ขณะเดียวกัน ประเมินว่าถุงมือยางจะมีโอกาสเติบโตสูง เพราะมีความต้องการใช้เติบโตที่ระดับ 15% พร้อมจะเดินหน้าขยายตลาดในประเทศ จีน อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และ สิงคโปร์ เป็นต้น จึงวางเป้า 3-5 ปีจากนี้ จะมีส่วนแบ่งการตลาดขึ้นเป็นเบอร์ 3 ของโลก จากปัจจุบันอยู่ที่ TOP 5 ของโลก

ดังนั้นจึงประเมินว่าภาพรวมทั้งปี 2561 จะมีกำไรสุทธิหลังจากงวดครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 1,423.75 ล้านบาท ขณะที่ปี 2560 ขาดทุนที่ระดับ 1,437.05 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะเน้นขายสินค้าที่ทำกำไรสูง มากกว่าสร้างวอลุ่มของการขาย ด้วยการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการขายแบบเลือกสรร (Selective Selling) และการบริหารต้นทุนวัตถุดิบของธุรกิจยางธรรมชาติ ทำให้บริษัทสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ฯ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น STA เป้าสูงสุด Consensus 15.5 บาท โดยมองว่าการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจจากเป็นผู้ผลิตขั้นกลาง (วัตถุดิบจากผลิตภัณฑ์ยาง) ไปสู่ผลิตภัณฑ์ขั้นปลายน้ำ (ถุงมือยาง) ในสัดส่วนที่มากขึ้น ช่วยลดความผันผวนของรายได้และเพิ่มมาร์จิ้นให้สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันมองว่าตลาดยังไม่ให้ Value จากธุรกิจดังกล่าว จึงเป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อ

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น STA โดยกำหนดราคาเป้าหมายที่ 15.50 บาท ในระยะปี 2561-2562 กลับมามุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจถุงมือยางของ STA น่าจะเป็นกิจการที่ทำให้กลุ่มบริษัท STA มีกำไรที่ดีขึ้นได้ เนื่องจากถุงมือยางมีการเติบโตของดีมานด์ที่ดีมาก คาดหวังว่าปีหน้ากำไรสุทธิจากธุรกิจถุงมือยางจะเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 50% ของกำไรสุทธิทั้งหมดได้

ทั้งนี้ STA ปรับโครงสร้างธุรกิจหันไปสู่ธุรกิจถุงมือยางมากขึ้น โดยสามารถบริหารจัดการให้ธุรกิจหันมาอิงกับ Downstream Operations คือ ถุงมือยาง ทำให้ในช่วงปี 2561-2562 นี้ ความน่าสนใจของธุรกิจ STA อยู่ที่ธุรกิจถุงมือยาง จึงเชื่อว่าบริษัทยังทำกำไรจากธุรกิจถุงมือยางได้ดี ในช่วงที่ราคายางพาราตกต่ำ

ขณะที่ผลประกอบการของ STA ในงวดครึ่งแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นกำไรสุทธิที่มาจากธุรกิจยางแปรรูป 60% และธุรกิจถุงมือยาง 40% ของกำไรทั้งหมด ในขณะที่สัดส่วนรายได้รวมของ STA มาจากยางแปรรูปมากถึง 85% และถุงมือยางเพียง 15% การที่ STA เพิ่มไลน์สินค้าถุงมือยางที่มีมาร์จิ้นดีกว่าธุรกิจดั้งเดิมคือยางแปรรูปนั้น ทำให้ทิศทางกำไรของ STA ดีขึ้น ไม่เผชิญกับความผันผวนของราคายางพารามากเหมือนช่วง 2 ปีก่อน

โดย STA ได้เตรียมแผนการเพิ่มกำลังการผลิตถุงมือยางเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับเป้าหมายจะมีกำไรจากธุรกิจถุงมือยางเพิ่มขึ้นจาก 40% เป็น 50% ของกำไรทั้งหมด และลดสัดส่วนกำไรจากธุรกิจแปรรูปยางจาก 60% เป็น 50%

Back to top button