THANI วิ่งฉิว5% ทุบสถิติ”ออลไทม์ไฮ” คาดสินเชื่อโต10% ทะลุ 2.6หมื่นลบ. หนุนผลงานปีนี้นิวไฮ
THANI วิ่งฉิว5% ทุบสถิติ"ออลไทม์ไฮ" คาดสินเชื่อโต10% ทะลุ 2.6หมื่นลบ. หนุนผลงานปีนี้นิวไฮ โดย ณ เวลา 15.16 น. อยู่ที่ 9.55 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 4.95% สูงสุดที่ 9.60 บาท ต่ำสุดที่ 9.05 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 328.25 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI ล่าสุด ณ เวลา 15.16 น. อยู่ที่ 9.55 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 4.95% สูงสุดที่ 9.60 บาท ต่ำสุดที่ 9.05 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 328.25 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2545
นายโกวิท รุ่งวัฒนโสภณ กรรมการผู้จัดการ ประธานกรรมการบริหาร THANI เปิดเผยว่า ผลประกอบการปีนี้มั่นใจว่าจะทำนิวไฮ (new high) ต่อเนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งสินเชื่อและผลกำไร การเติบโตดังกล่าวได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการรถบรรทุกเพื่อการใช้งานมีจำนวนสูงขึ้น
โดยเฉพาะความต้องการรถบรรทุกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เชื่อว่า สินเชื่อเช่าซื้อของราชธานีฯ จะสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเติบโตประมาณ 7-8% และทั้งปี 2561 มีโอกาสเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้กว่า 10% หรือประมาณ 26,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีอยู่ที่ 24,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากคิดยอดปล่อยสินเชื่อต่อเดือน เป้าหมายเดิมอยู่ที่เฉลี่ยเดือนละ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันปล่อยสินเชื่อได้จริงเฉลี่ยเดือนละ 2,200 ล้านบาท ทำให้โอกาสที่สินเชื่อในปีนี้จะได้เกินเป้าหมาย ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) บริษัทตั้งเป้าปรับลดลงให้อยู่ที่ระดับ 3.9% ในปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4% อย่างไรก็ตาม หนี้เสียของบริษัทมีการลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้โอกาสเห็นหนี้เสียปีนี้ลดลงตามเป้าที่วางไว้
“ผลงานของราชธานีฯ แต่ละไตรมาสก็ทำนิวไฮมาตลอด ซึ่งทำนิวไฮต่อเนื่องมาแล้ว 4-5 ไตรมาสด้วยกัน ส่วนครึ่งหลังของปีนี้น่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ทั้งปีกำไรและสินเชื่อนิวไฮได้ไม่ยาก ปัจจัยสนับสนุนยังคงเป็นเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ราคาพืชผลกลับมาดี การส่งออกก็เติบโตต่อเนื่อง การอุปโภคในประเทศดี ทำให้หนุนการขนส่งมีมากขึ้น ความต้องการรถบรรทุกจึงโตขึ้นเรื่อย ๆ” นายโกวิท กล่าว
นอกจากนี้ นายโกวิท กล่าวอีกว่า อีกปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ออกมาดี ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงไปถึง 30% ส่วนหนึ่งมาจากเรตติ้งที่มีการขยับขึ้นจาก BBB เป็น A- และอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ใหม่อยู่ในระดับที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยหุ้นกู้ในชุดก่อน