“มอร์แกน สแตนลีย์” หั่นเป้า CPALL เหลือ 77 บ. ชี้ยอดขายลดฮวบกดกำไรปีนี้ต่ำคาด
“มอร์แกน สแตนลีย์” หั่นเป้า CPALL เหลือ 77 บ. ชี้ยอดขายลดฮวบกดกำไรปีนี้ต่ำคาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Morgan Stanley (มอร์แกน สแตนลีย์) บริษัทหลักทรัพย์เพื่อการลงทุน และที่ปรึกษาทางการเงิน ได้ปรับมุมมองและคำแนะนำเกี่ยวกับหุ้นของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL โดยในระยะสั้นได้ปรับลดเป้าจากราคาเดิมที่ 87 บาท ลงมาเป็น 77 บาท หลังมองว่าผลงานในช่วงครึ่งปีแรกยังไม่สดใส เป็นผลให้ในระยะสั้นราคาหุ้นยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ
โดยกรณีแย่ที่สุดให้ราคาเป้าหมายของ CPALL ที่ 56 บาท บนสมมุติฐานที่อัตราการเติบโตของยอดขายระหว่างสาขาเปิดใหม่ และสาขาเดิม (SSSG) ยังคงที่ รวมไปถึงยังคงมีกำไรขั้นต้นที่ต่ำไปจนถึงปี 2562
ส่วนกรณีที่เป็นกลางราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 77 บาท หากกำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้นในปี 2561
สำหรับกรณีดีที่สุดให้ราคาเป้าหมายหุ้นของ CPALL ที่ 89 บาท บนสมมุติฐานว่ามี SSSG ในอัตราที่สูง รวมถึงระบบการจัดการกู้ยืมเพื่อลงทุนที่ดี โดยปัจจัยที่จะส่งผลให้ผลการดำเนินงาน และราคาหุ้นเติบโตมี 4 กรณี ดังนี้ 1) SSSG เติบโต และการขยายพื้นที่เพิ่มมากขึ้น, 2) มีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น และมีสินค้าที่หลากหลาย, 3) ระบบการจัดการกู้ยืมที่ดี และ 4) การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
ทั้งนี้ การปรับลดราคาเป้าหมายลงในครั้งนี้เป็นผลจากการเติบโตที่ค่อนข้างต่ำของรายได้จากร้านสะดวกซื้อ ซึ่งในส่วนของ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ซึ่งเป็นบริษัทย่อย นั้นยังมีคู่แข่งในประเทศอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเติบโตของ SSSG ที่ต่ำนั้นยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของทั้งสองบริษัทนั้นเติบโตไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้
อีกทั้งยังมองว่าธุรกิจร้านสะดวกอย่าง 7-Eleven ยังไม่มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจในไตรมาสที่ 3/61 เนื่องจากแคมเปญสะสมแสตมป์ยังไม่สามารถกระตุ้นผู้บริโภคได้ดีเท่าที่ควร โดยในไตรมาสนี้ CPALL จะต้องรอลุ้นว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของ SSSG ได้เหมือนกับปีที่แล้วหรือไม่ โดยปี 2560 ทาง CPALL กับ MAKRO มี SSSG ในไตรมาส 3 เติบโต 2% จากไตรมาส 2/60 ที่ลดลง 1%
นอกจากนี้ภาพรวมของธุรกิจของ MAKRO ยังไม่ดีเท่า CPALL เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังไม่เติบโต ขณะที่ SSSG ยังต่ำ รวมถึงมีปัจจัยลบเรื่องการแข่งขันราคา และการขาดทุนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงเป็นผลทำให้กำไรก่อนหักภาษีการเงินของ MAKRO นั้นอยู่ที่ 2.7% ต่ำสุดในรอบ 9 ปี
อย่างไรก็ตาม ในระยะกลางยังมีมุมมองเชิงบวก เนื่องจาก CPALL ถือเป็นธุรกิจอันดับหนึ่งในกลุ่มค้าปลีก และยังมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากการใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งปี 2562 รวมถึงอัตราการขาดทุนจากการลงทุนในต่างประเทศที่ลดลง