จัด 7 กลุ่มเด็ดเฟ้น 24 หุ้นผลงานปัง จ่อประกาศไตรมาส 3 โตเด่น

จัด 7 กลุ่มเด็ด เฟ้น 24 หุ้นผลงานปัง จ่อประกาศไตรมาส 3 โตเด่น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ที่ได้ทำการวิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงไตรมาส 3/2561 ก่อนที่จะมีการประกาศผลการดำเนินงานในช่วงสิ้นเดือนนี้ เพื่อเป็นตัวเลือกให้นักลงทุนใช้ตัดสินในการลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว ที่คาดว่าราคาหุ้นจะตอบรถผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่น

โดยหุ้นดังกล่าวประกอบด้วย LPN, ANAN, PSH, SC , ORI , PTTEP,  PTT , TPIPP , BGRIM,  CKP , DELTA , HANA , KCE , SVI , BDMS, CHG ,  RJH , SEAFCO,  CK ,  STANLY , VGI, MACO, PLANB , RS

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ต.ค.2561) เข้าสู่ช่วงของการทำ Earning Preview เริ่มจากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่ากำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2561จะอยู่ที่ราว 5.18 หมื่นล้านบาท หดตัว 3.0%  จากไตรมาสก่อน (เพิ่มขึ้น 9.2% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) จากรายใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง แต่ NIM เริ่มดีขึ้นจากสินเชื่อรายย่อยที่ขยับขึ้น ขณะที่ต้นทุนการสำรองฯ ลดลง  เพราะ NPLs ทรงตัว 3.2%แต่เริ่มมีความกังวลในสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ส่วนกลุ่มที่มิใช่สถาบันการเงินจากการรวบรวมความเห็นจากนักวิเคราะห์ของ บล.เอเซีย พลัส แบ่งเป็น 3 กลุ่มได้ดังนี้

1.คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/2561 จะเติบโตจากไตรมาสก่อน

กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย มาจากการรับรู้จากยอดโอนฯ ที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในส่วนของแนวราบและคอนโดฯ ตามยอด Backlog ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV เพิ่มขึ้นเช่นกัน ก่อนที่ผลการดำเนินงานจะทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/2561 โดยผู้ประกอบการฯ ที่คาดว่าจะมีกำไรเติบโตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และจากไตรมาสก่อน ตลอดช่วงไตรมาส 3/2561 และไตรมาส 4/2561 เช่น LPN, ANAN, PSH, SC และ ORI

กลุ่มปิโตรเลียม แนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2561 คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กจากงวดไตรมาส 2/2561  โดย PTTEP ได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ และราคาขายก๊าซที่ปรับขึ้นตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับปริมาณขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่งผลบวกต่อไปยัง PTT

กลุ่มพลังงานทดแทน คาดกำไรปกติงวดไตรมาส 3/2561 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากงวดไตรมาส 2/2561 ที่โดดเด่นได้แก่ TPIPP ซึ่ง Utilization rate เฉลี่ยทุกโรงไฟฟ้าสูงขึ้นมา และการกลับมาเดินเครื่องปกติของโรงไฟฟ้า TG5 รวมทั้งโรงไฟฟ้า TG7 (70 เมกะวัตต์) ที่ COD ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ส.ค.

ขณะที่โรงไฟฟ้า SPP แรงหนุนหลักจาก BGRIM จากการรับรู้รายได้โครงการ ABPR 4 เต็มไตรมาส และจากโครงการโซลาร์ BGYSP ที่ถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% อีกทั้งยังหนุนจากต้นทุนการเงินที่ลดลงหลัง refinance หุ้นกู้โครงการ BIP 1-2 นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากการ CKP กำไรปกติเพิ่มขึ้นตามช่วงฤดูกาล

กลุ่มประกันภัย กำไรเติบโตหลักๆ มาจากกลุ่ม Non-life นำด้วย THRE ซึ่งเกิดจากการบันทึกกลับเงินลงทุนใน THREL เป็นกำไร ตามสภาวะตลาดฯ ที่ฟื้นตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องความเสี่ยง ซึ่งอาจมีการบันทึก loss ratio ที่สูงขึ้น จากเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด

กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2561  ของกลุ่มฯ (DELTA HANA KCE และ SVI) เพิ่มขึ้น 7.3% จากไตรมาสก่อนหนุนจากคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับช่วงเทศกาลวันหยุดยาวในช่วงปลายปี รวมถึงผลบวกจากทิศทางค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่น่าจะอ่อนค่าลง

กลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นช่วง High Season รวมทั้ง รพ. หลายๆ แห่งมีการยกฐานรายได้-กำไรสูงขึ้นจากผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ (ผู้ป่วยประกันสุขภาพ ผู้ป่วยที่รักษาโรคซับซ้อน และโรคเรื้อรัง) ที่มีความมั่นคงมากกว่าการพึ่งพิงการเติบโตจากโรคระบาด คาดรพ. ที่มีกำไรเติบโตโดดเด่น คือ BDMS, CHG และ RJH

กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะงานฐานรากที่เข้าสู่ช่วง peak ของการรับรู้รายได้ นำโดย SEAFCO ขณะที่ CK ได้อานิสงส์จากบริษัทร่วมอย่าง CKP ที่ผลประกอบการเข้าสู่ช่วง high season และได้เงินปันผลจาก TTW เข้ามาหนุน

2.ผลประกอบการไตรมาส 3/2561 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน

กลุ่มยานยนต์ คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2561 เติบโตสูงกว่าการเติบโตของยอดขาย บนความคาดหมายว่ายอดผลิตรถยนต์ ไตรมาส 3/2561 จะสูงขึ้นจากไตรมาส 3/2560   และไตรมาส 2/2561  ทำให้ประเมินยอดขายของบริษัทในกลุ่มฯ เติบโตไปในทิศทางเดียวกับยอดผลิต ประกอบกับการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง (Economies of Scale) เพราะสัดส่วนต้นทุนเป็น Fixed Cost ประมาณ 60% คาดผลักดัน Gross Margin สูงกว่า 13.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังชอบ STANLY สถานะการเงินเป็น Net cash จึงปลอดภัยจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น

กลุ่มสื่อ-บันเทิง หลักๆ มาจากธุรกิจสื่อนอกบ้าน หลังผ่านพื้นช่วง Low Season ไปแล้ว และเม็ดเงินโฆษณาในเดือนตุลาคมที่จะกลับมาเติบโตจากฐานต่ำในปีก่อน  นำโดย VGI, MACO, PLANB ขณะที่ RS ได้แรงหนุนจากธุรกิจพาณิชย์กลับมาฟื้นตัวได้

Back to top button