STPI พุ่งกว่า 9% นิวไฮในรอบ 8 เดือน โบรกฯคาดผลงานปี 62 พลิกกำไร หลังผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้
STPI พุ่งกว่า 9% นิวไฮในรอบ 8 เดือน โบรกฯคาดผลงานปี 62 พลิกกำไร หลังผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้ โดย ณ เวลา 15.19 น. อยู่ที่ 5.80 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 9.43% สูงสุดที่ 5.90 บาท ต่ำสุดที่ 5.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 60.36 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ล่าสุด ณ เวลา 15.19 น. อยู่ที่ 5.80 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 9.43% สูงสุดที่ 5.90 บาท ต่ำสุดที่ 5.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 60.36 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 8 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.80 บาท เมื่อวันที่ 5 ก.พ.61
ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (1 ต.ค.) STPI น่าจะผ่านจุดต่ำสุด โดยยังขาดทุนอีก 2 ไตรมาสปีนี้
โดย STPI แม้ว่าคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 จะยังขาดทุนอีกประมาณ 100 ล้านบาท (ขาดทุนลดลงจากปีก่อน) เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงในช่วงก่อนหน้า ทำให้ยังไม่สามารถหางานโครงการ Oil& Gas ขนาดใหญ่เข้ามาทดแทนได้ และต้องบันทึกต้นทุนคงที่มาโดยตลอด แต่เชื่อว่าไตรมาส 4/61 จะขาดทุนเป็นไตรมาสสุดท้าย และจะพลิกกลับมามีกำไรตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นพัฒนาการเชิงบวกอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ โครงการลงทุนพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ของ TOP งบประมาณเงินลงทุนประมาณ 4.8 พันล้านเหรียญฯ หรือราว 1.6 แสนล้านบาท มีส่วนงานเป็นงานแปรรูปเหล็ก (Fabrication) ราว 10% ซึ่ง STPI เป็นเพียงผู้รับเหมาไม่กี่รายที่มีความเชี่ยวชาญงานดังกล่าว ทำให้มีโอกาสสูงที่จะได้ส่วนแบ่งงานดังกล่าวเข้ามา โดยคาดว่าจะสามารถบันทึกรายได้เข้ามาในช่วงประมาณไตรมาส 2/62
พร้อมทั้งงานประมูล LNG Module ในแคนาดาคาดจะกลับมาปลายปี 2561 รวมทั้งงานรื้อถอนแท่นผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยช่วงปี 2562 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
อีกทั้ง STPI ได้มีการลงทุนในบริษัท ดับเบิลยูพีจีอี เพชรบุรี จำกัด (สัดส่วน 60%) ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน กำลังการผลิตติดตั้ง รวม 7.9 เมกะวัตต์ โดยได้ทำสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟ้ฟ้าส่วนภูมิภาค ขนาด 5.99 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ภายในปลายปี 2561 และช่วยหนุนรายได้เพิ่มอีกราว 300 ล้านบาท
ส่วนเรื่องคดีความที่คู่สัญญาชะลอการชำระเงินในประเทศออสเตรเลีย ทาง STPI ได้ดำเนินการฟ้องต่อสำนักงานอนุญาโตตุลาการ ซึ่งใกล้แล้วเสร็จ และมีความเป็นไปได้ที่ STPI จะชนะคดี ทำให้มีโอกาสที่จะบันทึกกำไรพิเศษกลับราว 1200 ล้านบาท (จากที่ตั้งสำรองฯไปแล้ว)