สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 2 ต.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) ทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ โดยตลาดได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์และหุ้นโบอิ้ง อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นเฟซบุ๊กที่ดิ่งลงเกือบ 2% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,773.94 จุด พุ่งขึ้น 122.73 จุด หรือ +0.46% ขณะที่ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,923.43 จุด ลดลง 1.16 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,999.55 จุด ลดลง 37.76 จุด หรือ -0.47%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านงบประมาณของอิตาลี หลังจากรัฐบาลอิตาลียืนยันที่จะปรับเพิ่มเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2562 โดยไม่ฟังคำเรียกร้องจากสหภาพยุโรป (EU) ขณะเดียวกันนักลงทุนกังวลต่อแผนงบประมาณของกรีซ หลังจากรัฐบาลกรีซได้ยื่นร่างงบประมาณประจำปี 2562 ต่อรัฐสภา โดยไม่รวมแผนการปรับลดเงินบำนาญ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่กรีซได้ทำข้อตกลงร่วมกับกลุ่มเจ้าหนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.5% ปิดที่ 381.94 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,287.58 จุด ลดลง 51.45 จุด หรือ -0.42% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,474.55 จุด ลดลง 21.12 จุด หรือ -0.28% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,467.89 จุด ลดลง 38.92 จุด หรือ -0.71%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปที่ต่างก็ปรับตัวลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านงบประมาณของอิตาลี หลังจากรัฐบาลอิตาลียืนยันที่จะปรับเพิ่มเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2562 โดยไม่ฟังคำเรียกร้องจากสหภาพยุโรป (EU)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,474.55 จุด ลดลง 21.12 จุด หรือ -0.28%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี ซึ่งได้ฉุดตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงนั้น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 15.30 ดอลลาร์ หรือ 1.28% ปิดที่ 1207.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 18.6 เซนต์ หรือ 1.28% ปิดที่ 14.693 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 5.60 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ 833.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.70 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1050.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากโพลล์สำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากภาวะการซื้อขายโดยรวมยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว อันเนื่องมาจากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.09% ปิดที่ 75.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 84.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ต.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป หลังจากที่เฟดได้เริ่มวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558 ขณะที่สกุลเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9850 ฟรังก์ จากระดับ 0.9841 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2816 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2786 ดอลลาร์แคนาดา แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.66 เยน จากระดับ 113.97 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1544 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1575 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2978 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3037 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7186 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7226 ดอลลาร์สหรัฐ