สังคมข่าวหุ้น
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,741.96 จุด ปรับลดลง 6.13 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.8 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,741.96 จุด ปรับลดลง 6.13 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.8 หมื่นล้านบาท
* ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงรายย่อยไม่มีรอช้า เดินหน้ารับบทเป็นชาวสวนเข้าซื้อสุทธิไปเพียบ 2,637 ล้านบาท โดยต่อสู้กับทาง 3 ประสานกลุ่มขายสุทธิ ซึ่งนำทีมโดยสถาบันสาดออกไป 1,566 ล้านบาท ตามด้วยต่างชาติ 1,017 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อีก 53 ล้านบาท อย่างที่เคยบอกว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้กลับมาแกว่งตัวในกรอบแคบเป็นหลัก เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ามาผลักดันดัชนี รวมถึงหลายสตอรี่ชักเริ่มรับรู้และเล่นเป็นประเด็นข่าวมากพอตัวแล้ว เช่น การเลือกตั้ง ส่วนปัจจัยลบยังวนอยู่กับประเด็นเดิม คือ สงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจที่ยังคอยกลับมากดดันตลาดหุ้นไทย (ในบางจังหวะ)
* ภายใต้สถานการณ์ที่บอกกันไปข้างต้น ดูทรงแล้วหุ้นใหญ่คงตกอยู่ในภาวะมึน ๆ กันไปอีกสักพัก จึงขอแนะนำให้ย้ายกลับมาส่องดูหุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็กที่น่าสนใจแทนมากกว่า เริ่มกันด้วยหุ้นแรกเทความสนใจไปที่หุ้น MVP-SYNEX เริ่มจากฝั่ง MVP ล่าสุดประกาศข่าวดีกรณีปิดฉากการจัดงาน “Thailand Mobile Expo 2018” เป็นที่เรียบร้อย ปรากฏว่า ตลอด 3 วันจัดงาน (27-30 ก.ย.) มีคนเข้ามาร่วมงานคึกคัก พร้อมกับมีการซื้อสินค้ามหาศาลจนส่งผลให้เม็ดเงินในงานสะพัดถึง 2,000 ล้านบาท โดยจากความสำเร็จในครั้งนี้ย่อมส่งผลดีโดยตรงต่องบไตรมาส 3 ของ MVP ไปแบบเต็ม ๆ
* ขณะที่หุ้น SYNEX กลายเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์ไปด้วยเช่นกัน เพราะถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานนี้ โดยที่จริงแล้วนอกจาก SYNEX ยังมีหุ้น COM7-IT หรือแม้กระทั่งโอเปอเรเตอร์ของตลาด ADVANC-DTAC-TRUE มาร่วมเปิดบูธจัดแสดง แต่ถ้าวัดจากประเด็นนี้แล้วมีอิมแพ็กจริงก็ต้องเน้นไปที่ตัว SYNEX-COM7 นั่นแหละ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ขอให้น้ำหนักที่ SYNEX มากกว่า เพราะภาพของผลการดำเนินงานยังอยู่ในเกณฑ์สดใส แล้วถ้าอิงตามที่โบรกฯ คาดไว้งวดไตรมาส 3 นี่มีโอกาสฟันกำไรโตทะลุ 200 ล้านบาท ที่สำคัญค่า P/E ในปัจจุบันยังซื้อขายอยู่ที่ระดับ 17 เท่า และยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยปีละ 3-4% จึงถือว่าไม่แพงเกินเอื้อม ส่วนงวดไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นทำให้บริษัทโตได้ดีต่อเนื่องและมีสตอรี่เล่นยาวไปจนถึงสิ้นปี
* ด้าน COM7 แน่นอนได้รับผลบวกไม่ต่าง SYNEX ทั้งในแง่ยอดขายที่สูงขึ้นและงบไตรมาส 3 ที่ยังเติบโต แต่ด้วย P/E หุ้นในปัจจุบันที่ขึ้นมาเทรดสูงถึง 35 เท่าไปแล้ว ทำให้ราคาหุ้นในช่วงระยะสั้นชักเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัด มีอัพไซด์น้อยลงจนราคาเริ่มไปต่อได้ยาก ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วทำให้หุ้น SYNEX ในตอนนี้อยู่ในจุดน่าสนใจกว่า
* หุ้น LH สำหรับคนเงินเย็นและไม่ใจร้อน เป็นจังหวะดีเข้าสะสมหุ้นอีกรอบ ล่าสุดมีราคาซื้อขายหุ้นอยู่เพียง 11.20 บาท ซึ่งนอกจากเป็นหุ้นที่ครองฐานะเป็นเบอร์หนึ่งกลุ่มหุ้นอสังหาฯ (ที่มีกำไรสูงสุด) แต่ในรอบ 3 ปี ย้อนหลังยังจ่ายปันผลได้เฉลี่ยสูงถึง 6% ต่อปี และตามสถิติแล้วจังหวะที่เข้าซื้อหุ้นอสังหาฯ ที่ดีเสมอ คือ การเข้าลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะราคาหุ้นมักทยอยวิ่งขึ้นต่อเนื่องช่วงปลายปีเพื่อเก็งกำไรขานรับทั้งงบการเงินและตัวปันผล จึงถือเป็นหุ้นที่มีความเด่นทั้งในแง่แคปปิตอลเกนและดิวิเดนด์ยีลด์ ถือยาวเพื่อรับเงินปันผลหรือจะเลือกขายทำกำไรช่วงปลายปีสามารถจัดได้ทั้งสองแบบ
* ปิดท้ายด้วยหุ้น VGI ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 7.65 บาท กลับมาอยู่ในจุดแนวรับพอดิบพอดี ทางเทคนิควันนี้มีลุ้นรีบาวด์ได้อีกครั้ง ส่วนทางพื้นฐานยังคงเติบโตต่อเนื่อง เพราะในงวดไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย. 2561) จะเริ่มบุ๊กกำไรหลังเข้าลงทุนใน “Kerry” บางส่วนกันแล้ว บวกกับอัตราการใช้โฆษณาของลูกค้าที่หนาแน่น ทำให้งบไตรมาสของ VGI มีโอกาสออกมาสวย ด้านราคาเป้าหมายโบรกฯ ให้ไว้แถว 9-10 บาท ยังเหลืออัพไซด์ให้ได้เล่นกันอีกเพียบ