สังคมข่าวหุ้น
*การควบคุมสินเชื่อบ้านของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. พอออกมาก็ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่มากนัก เพราะเป็นเพียงการควบคุมการเก็งกำไรก็เท่านั้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่ต้องเพิ่มมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น ส่วนนักวิเคราะห์เอง เห็นประเมินกันออกมาว่า ไม่น่าจะกระทบกับกลุ่มธนาคารซักเท่าไหร่ ส่วนผู้ประกอบการอสังหาฯ ก็ต้องดูหุ้นที่ทำคอนโดฯ เยอะ ๆ นั่นแหละ
คาเฟอีน
*การควบคุมสินเชื่อบ้านของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. พอออกมาก็ไม่ได้มีอะไรในกอไผ่มากนัก เพราะเป็นเพียงการควบคุมการเก็งกำไรก็เท่านั้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่ต้องเพิ่มมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น ส่วนนักวิเคราะห์เอง เห็นประเมินกันออกมาว่า ไม่น่าจะกระทบกับกลุ่มธนาคารซักเท่าไหร่ ส่วนผู้ประกอบการอสังหาฯ ก็ต้องดูหุ้นที่ทำคอนโดฯ เยอะ ๆ นั่นแหละ
*เรื่องของนักเก็งกำไรที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯ นี้ จะว่าไปแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ใช่ใครที่ไหน หรือคือบรรดาพวก “ผู้บริหาร” “พนักงาน” และ “เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย” ของบริษัทเจ้าของโครงการนั้น ๆ ที่จะเข้าไปเลือกมุมห้องดี ๆ ชั้นสูง ๆ ดูแล้วมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ แล้วจ่ายเงินดาวน์ไปก่อน หลังจากนั้น ก็นำมาขายซดกำไรกันไป เป็นแบบนี้มาช้านานมาก ๆ แล้ว ส่วนนักเก็งกำไรที่เป็นบุคคลภายนอก อาจจะมีบ้าง แต่ยังน้อยกว่าคนในบริษัทอสังหาฯ
*เขียนถึงเรื่องนี้แล้ว ขอต่ออีกซักหน่อย นั่นก็คือ บรรดาโครงการต่าง ๆ เหล่านี้ มักจะมีข้อผูกมัดกับสถาบันการเงิน ส่วนใหญ่เป็นธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เช่น ทำแคมเปญไม่มีเงินดาวน์ ให้กู้ 100% หรือเงือนไขอื่น ๆ ตามที่จะตกลงกัน โดยพนักงานฝ่ายขายจะได้เงินค่าแนะนำจากธนาคาร เพื่อให้ลูกค้ามาขอกู้เงินกับธนาคารตนเอง คิดไปหัวละ 1 พันบาท จึงไม่ต้องไปแปลกใจที่เวลาไปซื้อบ้านหรือคอนโดฯ แล้วเราไม่ค่อยสามารถเลือกแหล่งเงินกู้ได้เอง หรือพอแบงก์นี้ไม่ผ่าน ทางฝ่ายขายก็จะเสนอแบงก์ต่อไปทันที วนเวียนกันไปแบบนี้
*ดัชนีตลาดหุ้นปรับลงมา 3 วันทำการติดต่อกันแล้ว 31 จุด แม้หลุดแนวรับ 1,730 จุด (วานนี้ปิด 1,729 จุด) แต่วันนี้มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นทางเทคนิคได้ เห็นทาง บล.โนมูระฯ แนะนำหุ้นกลุ่ม Domestic play ที่เกี่ยวกับ EEC และการเลือกตั้ง เช่น BBL PLANB STEC AMATA ADVANC รวมถึงหุ้นกลุ่มพี่ปอ ทั้ง PTT และ PTTEP
*ต่างชาติขายหนักมาก หรือกว่า 4,951 ล้านบาท ส่วนกองทุนได้ขายออกมาเช่นกัน 3,432 ล้านบาท ส่วนรายย่อยโชว์ความเป็นป๋าซื้อสุทธิกว่า 7,666 พันล้านบาท กองทุนที่ขายออกมา ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการปรับพอร์ต ขายหุ้นทำกำไร แล้วนำเงินไปซื้อหุ้นไอพีโอที่กำลังเข้าเทรดหลายตัว เช่น บมจ.โอสถสภา ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ รพ.พระรามเก้า แต่ 3 ตัวนี้ ก็มีมูลค่าการระทุนหลายหมื่นล้านบาทแล้ว จึงมีคำแนะนำให้ระวังหุ้นที่กองทุนหรือนักลงทุนสถาบันถือเยอะ ๆ แล้วราคาวิ่งขึ้นมา มีโอกาสถูกขายได้ แต่หลังจากซื้อขายไอพีโอหุ้นเหล่านี้ สถานการณ์น่าจะสงบ และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
*หุ้น LH ของเสี่ยอนันต์ อัศวโภคิน เกือบหลุด 11.00 บาท หลังถูกมาตรการคุมเข้มเรื่องสินเชื่อบ้าน ทั้งที่ LH นั้นแทบไม่ได้รับผลกระทบ เพราะกว่า 80% เป็นโครงการแนวราบหรือบ้านจัดสรร ที่ไม่ค่อยมีการซื้อเก็งกำไรซักเท่าไหร่ และกลุ่มลูกค้าของ LH ส่วนใหญ่ จะกระเป๋าหนัก ซื้อเงินสดก็ยังมี จึงฝากเตือนว่าอย่าตื่นตูมขายหมู จนเป็นแพนิกเซลไป ราคาเป้าหมายของโบรกฯ ส่วนใหญ่ให้ไว้เกิน 13.00 บาท ผลตอบแทนเงินปันผลเกือบ 7%
*ฉัตรชัย ศิริไล เอ็มดี ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ยืนยัน ธอส.ไม่ได้รับผลกระทบจากการออกเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ ธปท. เพราะปล่อยสินเชื่อให้ผู้ที่มี “รายได้น้อย” และ “ปานกลาง” เป็นหลัก แม้จะมีบางส่วนเป็นบ้านหลังที่ 2 แต่ก็เป็นที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่จริง ไม่ใช่ซื้อเก็งกำไร และ ธอส.ก็ปล่อยกู้ตามสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ หรือที่เรียกว่า DSR ที่ 1 ใน 3 ต่างจากธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อย 70-90% ของราคาที่อยู่อาศัย