HMPRO ส่งซิกรายได้ปีนี้แตะ 7 หมื่นลบ. หลังปรับกลยุทธ์ดันสัดส่วน “Private Brand” แตะ 25%

HMPRO ส่งซิกรายได้ปีนี้แตะ 7 หมื่นลบ. หลังปรับกลยุทธ์ดันสัดส่วนรายได้สินค้า “Private Brand” แตะ 25% จากเดิม 20% หวังตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม


นางสาวสิริวรรณ เสริมชีพ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เปิดเผยว่า จากการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมการเลือกซื้อ เลือกใช้สินค้าของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเทคโนโลยี และความหลากหลายของสินค้าที่มีให้เลือกเพิ่มมากขึ้น บริษัทได้ศึกษา วิจัย และนำไปสู่การปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับตลาด และเข้าถึงความต้องการภายใน (Insight) ของผู้บริโภค โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาสินค้ากลุ่ม ไพรเวทแบรนด์ (Private Brand) หรือสินค้าที่คล้ายคลึงกับยี่ห้อดังๆ แต่อยู่ในรูปแบบตราสินค้าต่างๆ ที่ปัจจุบันสามารถสร้างสัดส่วนรายได้ได้ถึง 20% นั้น และมีแผนจะเพิ่มเป็นระดับ 25% ในอนาคต

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โฮมโปรได้พัฒนาสินค้ากลุ่ม ไพรเวทแบรนด์ ใหม่พร้อมยกระดับสินค้าจาก Good เป็น Better และ Best ตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า,เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน, ห้องน้ำ, ห้องครัว, เครื่องมือช่าง และอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำความสะอาด ด้วยกลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง (Differentiation) ที่ต้องมีคุณค่ากับผู้บริโภคทั้งในด้านดีไซน์ ฟีเจอร์ และฟังก์ชั่น โดยต้องคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพของสินค้าต้องดีเยี่ยม ได้มาตรฐานในราคาที่จับต้องได้ และหาซื้อได้ที่เดียวคือที่โฮมโปร หรือ Exclusive @ HomePro เท่านั้น

อีกทั้งบริษัทยังเลือกใช้กลยุทธ์ในการเข้าถึงง่ายในตัวผลิตภัณฑ์ ด้วยวิธีการกระจายสินค้าให้มากที่สุดทั้งทางหน้าร้านในประเทศ และสาขาต่างประเทศ และบนแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือ อีคอมเมิร์ซ ที่สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทั้งทาง Website และ Line ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีในการผลักดันสินค้ากลุ่มไพรเวทแบรนด์

“การให้ความสำคัญกับการเดินหน้าสร้างสินค้าไพรเวทแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมของโฮมโปรนั้น ใช้เวลาและทุ่มเทกันหนักมาก โดยชิ้นงานแต่ละชิ้นที่จะออกสู่ตลาดและวางจำหน่ายได้นั้น ต้องใช้ความประณีตเป็นอย่างมาก  โดยมีเกณฑ์ชี้วัดที่สำคัญคือในเรื่องงบประมาณและคุณภาพที่เท่าเทียมกัน  ลูกค้าเห็นสินค้าแล้วตัดสินใจเลือกซื้อกลับบ้าน ที่สำคัญที่สุดเมื่อใช้แล้วมีการบอกต่อและมีการซื้อซ้ำ นั่นสะท้อนให้เห็นว่าไพรเวทแบรนด์ของเราได้เข้าไปครองใจผู้บริโภค และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่อยู่ในบ้านของลูกค้าอีกด้วย” นางสาวสิริวรรณ กล่าว

สำหรับกลุ่มสินค้า ไพรเวทแบรนด์ ที่มีอัตราการเติบโตเป็นอันดับหนึ่ง คือกลุ่ม Home Textile ภายใต้แบรนด์ HLS – Home Living Style เน้นกลุ่มผ้าเป็นหลักทั้ง ผ้าม่าน หมอน พรม ผ้าปูที่นอน Wallpaper และของตกแต่งภายในบ้าน นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมภายใต้ไพรเวทแบรนด์ของโฮมโปร อาทิ Furdini (กลุ่มเฟอร์นิเจอร์) , Moya  และ TARA (กลุ่มห้องน้ำและกระเบื้อง) , Carini และ Elektra (โคมไฟ) , Cabin (เคาน์เตอร์ครัว) เป็นต้น

อนึ่งก่อนหน้านี้ นางสาววรรณี จันทามงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านบัญชี และการเงิน HMPRO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2561 เติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปี 2560 ที่มีรายได้ 64,234 ล้านบาท เนื่องจากการขยายสาขา และประเมินยอดขายสาขาเดิม (SSSG) จะมีการเติบโตประมาณ 3-4% จากปี 2560 ที่มีการติดลบ 0.80% เนื่องจากกำลังซื้อในหัวเมืองใหญ่ที่เริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น

Back to top button