เสิร์ฟ 12 หุ้นจานร้อนพร้อมโกยรายได้ทะลัก! สถิติชี้ชัดรับผลตอบแทนจุใจช่วงกินเจ

เสิร์ฟ 12 หุ้นจานร้อนพร้อมโกยรายได้ทะลัก! สถิติชี้ชัดรับผลตอบแทนจุใจช่วงกินเจ


เข้าสู่เทศกาลกินเจปี 61 ระหว่างวันที่ 9-17ตุลาคม โดยจำนวนผู้บริโภคอาหารเจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเทรนด์รักสุขภาพซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ทำให้การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มเจปีนี้จะคึกคักไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากเทศกาลกินเจมานำเสนอ โดยกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลดีคือ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งกลุ่มบริการ

สำหรับกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ส่วนใหญ่จะอยู่ในหมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มโดยจะเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันพืช และจำหน่ายแป้งสาลี แป้งขนมปัง แป้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แป้งเอนกประสงค์  ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบที่จำเป็นในช่วงเทศกาลกินเจ อาทิ LST, TVO, UPOIC, UVAN, VPO, KASET และ TMILL อีกทั้งบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และน้ำผักผลไม้ อาทิ MALEE, TIPCO โดยสินค้าประเภทนี้จะได้รับความนิยมและขายดีในช่วงเทศกาลกินเจเป็นอย่างมาก

ด้านกลุ่มบริการ ส่วนใหญ่อยู่หมวดธุรกิจพาณิชย์ อาทิ CPALL และ MAKRO ก็น่าจะเป็นได้รับผลดีไม่แพ้กัน เพราะร้านสะดวกซื้อจะมีอาหารหลากหลาย และตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ขณะที่ห้างสรรพสินค้าก็ได้ประโยชน์การจับจ่ายสินค้าและการจัดโปรโมรชั่นรับเทศกาลเจตรงนี้ก็น่าจะหนุนยอดขายได้อย่างมาก

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (8 ต.ค.) โดยแนะนำหุ้นเด่นเกาะกระแสกินเจ ร้านสะดวกซื้อเด่น : CPALL, BJC ใกล้เข้าสู่เทศกาลกินเจในวันที่ 9 – 17 ต.ค. 61 (เริ่มต้นล้างท้องวันที่ 8 ต.ค.)  เป็นการถือศีลจีน และกินอาหารจำพวกพืชผัก ไม่มีเนื้อสัตว์ และของปรุงรสต้องห้ามบางอย่าง

โดยในแต่ละปีจะมีช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เพราะเทศกาลกิจเจมีขึ้นในวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน) แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงต้นเดือน ต.ค. ของทุกปี ซึ่งหนุนผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม  ปีนี้ทางหอการค้าไทยคาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงกินเจสูงสุดในรอบระยะสำรวจ 11 ปี อยู่ที่ 45,937 ล้านบาท เติบโต 1.9% จากปีก่อน ฝ่ายวิจัยฯจึงได้ทำคัดกรองหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลนี้ คือ กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ตรงกันข้ามหุ้นที่กระทบ คือ กลุ่มจำหน่ายเนื้อสัตว์ มีรายละเอียดดังนี้

สำหรับกลุ่มค้าปลีก ปัจจุบันส่วนใหญ่คนกินเจจะเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่มเจ เช่น ผักสด, ผลไม้ และอาหารเจปรุงสำเร็จ จากร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อมากขึ้น เพราะสะดวก และตอบโจทย์ความต้องการไลฟ์สไตล์คนเมือง ช่วยหนุนให้มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อีกทั้งในไตรมาส 4 ยังเป็นช่วง High Season ของกลุ่มฯ ช่วยหนุนผลประกอบการให้โดดเด่นในช่วงที่เหลือของปี

โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว คือ CPALL(FV’62@B80) มีสาขา 7-Eleven ทั่วประเทศเกินกว่า 10,000 สาขา และในช่วงฤดูกินเจ 7-Eleven มีการขายอาหารเจพร้อมทานที่หลากหลาย   และสะดวกในการซื้อ, BJC(FV’62@B72) ช่วงกินเจจะมีแคมเปญกระตุ้นยอดขายในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตรงกับความต้องการลูกค้า หนุนยอดขาย BIG C ที่มีกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีการขายอาหารเจปรุงสำเร็จในห้าง เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายอีกทาง

ทั้งนี้ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากได้ ประโยชน์ทางตรงจากเทศกาลกินเจแล้ว พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาสนใจรักสุขภาพมากขึ้น หนุนยอดขายไม่ได้จำอยู่เฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจ โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว แม้จะเป็นหุ้นทีฝ่ายวิจัยแนะนำ “Switch”  น่าจะได้รับ Sentiment เชิงบวก อาจเก็งกำไรระยะสั้น คือ TKN(FV’62@B18) เพราะ นอกจากประเด็นเรื่องกินเจดังกล่าวแล้ว ช่วงต้นไตรมาส 4 เข้าสู่ช่วง Golden Week ของประเทศจีน ช่วยหนุนยอดขายในจีนที่สัดส่วนสูงถึง 35% ของยอดขายรวมของ TKN  ส่งผลให้กำไรไตรมาส 4 ฟื้นตัวได้ดี และหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯไม่ได้ศึกษา อย่าง MALEE, TIPCO  โดยช่วงเทศกาลกินเจห้ามดื่มนมวัว ทำให้นมถั่วเหลือง น้ำผลไม้ขายดีขึ้น

สำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเทศกาลกินเจ เป็นกลุ่มอาหารจำหน่ายเนื้อสัตว์ อย่าง CPF(FV@B30), GFPT(FV@B14), TU([email protected]), TFG([email protected]), BR(FV@B6) ได้รับผลกระทบช่วงสั้นจากเทศการกินเจ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 4 ที่เป็นช่วง Low Season กดดันราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดีผลตอบแทนในอดีตช่วงกินเจปรับตัวลงไม่มากนัก และมีบางบริษัทที่มี Upside สูงเกินกว่า 20% อย่าง TU และ CPF หากราคาปรับตัวลดลง ถือเป็นโอกาสซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์เชิงปริมาณในอดีต ย้อนหลัง 3 ปี (2558 – 2560) หุ้นทั้งหมดที่กล่าวมาในกลุ่มที่ได้ประโยชน์เทศกาลกินเจ ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงเทศกาลตลอด 3 ปี และให้ผลตอบแทนเป็นบวกทุกบริษัท

 

Back to top button