สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 8 ต.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นหุ้นที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจ (defensive stocks) อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,486.78 จุด เพิ่มขึ้น 39.73 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,884.43 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,735.95 จุด ลดลง 52.50 จุด หรือ -0.67%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหภาพยุโรปและอิตาลี ในประเด็นการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังร่วงลงตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 372.12 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,947.16 จุด ลดลง 164.74 จุด หรือ -1.36% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,233.33 จุด ลดลง 85.21 จุด หรือ -1.16% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,300.25 จุด ลดลง 59.11 จุด หรือ -1.10%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่าเศรษฐกิจจีนกำลังได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR)

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,233.33 จุด ลดลง 85.21 จุด

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 17 ดอลลาร์ หรือ 1.41% ปิดที่ 1,188.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 32 เซนต์ หรือ 2.18% ปิดที่ 14.329 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 6.2 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่ 818.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 11.80 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1068.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรให้กับบางประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ขณะที่นักลงทุนจับตาพายุเฮอร์ริเคน “ไมเคิล” ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่งตะวันออกของอ่าวเม็กซิโกในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 83.91 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9926 ฟรังก์ จากระดับ 0.9917 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2961 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2953 ดอลลาร์แคนาดา แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.98 เยน จากระดับ 113.77 เยน

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1488 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1528 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3089 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3128 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าแตะที่ระดับ 0.7078 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7055 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button