พาราสาวะถี
เอาที่ท่านสบายใจเลยละกัน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันหนักแน่นเสียงโห่ในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่เดินทางไปเป็นประธานเปิดและปิดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกหรือโมโตจีพี ไม่ใช่โห่ไล่แต่เป็นโห่ต้อนรับ ถ้าเป็นการแสดงความไม่พอใจต้องมีการขว้างปาสิ่งของตามมาด้วย
อรชุน
เอาที่ท่านสบายใจเลยละกัน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ยืนยันหนักแน่นเสียงโห่ในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่เดินทางไปเป็นประธานเปิดและปิดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกหรือโมโตจีพี ไม่ใช่โห่ไล่แต่เป็นโห่ต้อนรับ ถ้าเป็นการแสดงความไม่พอใจต้องมีการขว้างปาสิ่งของตามมาด้วย
แหม! เช่นนี้ต้องยกให้เป็นคนคิดบวกของแท้ แต่ก็อย่างว่าคนที่อยู่ในภาวะสบายใจ ช่วงนี้เดินสายถี่ยิบในพื้นที่ภาคอีสาน อ้างไปเพื่อแก้หนี้นอกระบบพร้อมยึดโฉนดที่ดินของคนที่นำไปจำนองมาคืนให้เจ้าของ โชว์เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง โดยที่ยืนยันว่าไม่ใช่การไปหาเสียงหาปูทางเพื่อพรรคพลังประชารัฐ เพราะตัวเองไม่ข้องเกี่ยวกับการเมือง เมื่อท่านเชื่อแล้วสบายใจ คนทั่วไปก็จะลองเชื่อตามนั้นบ้าง
ไม่ต้องอธิบายกันมากทั้งงานบนดินใต้ดินเป็นสิ่งที่คณะเผด็จการถนัดอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ใช้นอมินีเว้นแต่ที่มันเหลือบ่ากว่าแรงจะต้องออกหน้าก็จำเป็น เมื่อเปิดตัว 4 รัฐมนตรีไปนั่งกุมบังเหียนพรรคการเมืองอย่างเปิดเผย ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเหนียมว่าทุกการกระทำนั้นไม่ได้แฝงการหาเสียง แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
คนที่ไม่ถือหางข้างหนึ่งข้างใด เข้าใจกันได้ทุกความเคลื่อนไหวในมิติทางการเมืองเป็นดังเช่นที่ผู้นำและลิ่วล้อโพนทะนาหรือไม่ ส่วนเรื่องการไขก๊อกของ 4 รัฐมนตรี ไม่ต้องไปกระทุ้งกันให้เมื่อยตุ้ม มีการวางเงื่อนเวลากันไว้ชัดเจน ไม่ให้น่าเกลียดและจะอ้างเป็นการโชว์สปิริตก็คือก่อนที่กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้
ประเด็นนี้ไม่มีอะไรที่ปิดลับ ไม่จำเป็นต้องไปถามเนติบริกรประจำรัฐบาล และไม่ต้องมีใครออกมาปฏิเสธใด ๆ ย้อนกลับไปฟังบทสัมภาษณ์ของ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีสำนักนายกฯและโฆษกพลังประชารัฐพูดไว้วันที่พานักข่าวทัวร์ห้องทำงานเพื่อยืนยันถึงการเก็บของเปิดตูดไปตั้งหลัก เมื่อถึงเวลาทั้ง 4 คนจะลาออกเองและพรรคการเมืองต่าง ๆ ต้องยึดเป็นแบบอย่างด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นยังบอกด้วยว่าเงื่อนเวลาที่เหมาะสมคือก่อนกฎหมายเลือกตั้งส.ส.จะมีผลบังคับใช้ เพราะหลังจากนั้นจะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน ในเมื่อยังไม่มีพระราชกฎษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง การไขก๊อกก่อนไม่นาน ในมุมของคณะเผด็จการถือเป็นการโชว์สปิริตให้เป็นแบบอย่างแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะใช้ตำแหน่งแห่งหนคู่ขนานไปกับหัวโขนผู้บริหารพรรคการเมืองก็ตาม
ส่วนที่ พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง อ้างเรื่องของรัฐบาลรักษาการไม่เห็นมีใครต้องลาออกนั้น ช่างไม่สมกับความที่เคยเป็นอดีตคนของพรรคประชาธิปัตย์แม้แต่น้อย คนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ที่มาของรัฐบาลมันต่างกันและสถานะ อำนาจในการบริหารก็ต่างกันลิบลับด้วย คณะรัฐบาลเผด็จการมีอำนาจเต็มไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ขณะที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งทุกอย่างระหว่างรักษาการต้องขออนุญาตจากกกต.
พอจะเข้าใจได้เป็นธรรมดาของคนที่ทิ้งพรรคที่อ้างเรื่องยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา มาสวามิภักดิ์ภายใต้ท็อปบูธย่อมกางปีกปกป้องผู้ที่มอบอำนาจให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ ความจริงตัวอย่างที่ดีของรุ่นพี่ในพรรคเก่าแก่ก็มีให้เห็นอย่าง อลงกรณ์ พลบุตร ที่เรียกร้องให้รัฐมนตรีทั้ง 4 คนต้องลาออกโดยทันที ไม่ต้องรอเวลาใด ๆ
คงไม่มีอะไรให้ต้องวิพากษ์วิจารณ์ ผู้มีอำนาจและองคาพยพก็ถูลู่ถูกังกันไปอย่างนี้ ส่วนที่ถูกจับจ้องเป็นพิเศษคือคณะของแกนนำและอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยที่บินไปหา ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ฮ่องกง มีแต่คุณแหล่งข่าวคุณรายงานข่าว ที่อ้างกันว่านายใหญ่สั่งการและเตรียมการกันอย่างไรบ้างเรื่องของพรรคการเมืองรองรับการเลือกตั้งภายใต้กติกาคณะเผด็จการ
ถูกแล้วที่ วิษณุ เครืองาม จะระบุถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย อย่างที่อธิบายเชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไร สื่ออาจไปสรุปเอาเองว่าที่อดีตส.ส.ไปเพื่อทำเรื่องดังกล่าว แต่อาจมีข้อถกเถียงว่าไปทำอย่างอื่น จึงให้ระบุมาว่าไปทำแบบนั้นจริง การเดินทางไปต่างประเทศไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเสรีภาพในการเดินทางและไม่เห็นว่าจะเป็นความผิดอะไร
ต่อให้ไปแล้วไปพบกับทักษิณจริง ตนก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร ส่วนจะเข้าข่ายเป็นนอมินีหรือครอบงำพรรคหรือไม่นั้นขออย่าไปวินิจฉัยในเรื่องนี้ ถือหลักการหนักแน่นเป็นสิ่งที่ควรชื่นชม แต่จะไปยึดเอาคำยืนยันของวิษณุเป็นที่ตั้งแล้วฟันธงกันไว้เลยว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมีผลอะไรกับพรรคเพื่อไทยคงไม่ได้
อย่างที่เห็นกันนายใหญ่ไม่ประมาทจึงเกิดภาพของพรรคสำรองทั้งเพื่อธรรมและเพื่อชาติ ทั้งหมดคือการเผื่อเหลือเผื่อขาด หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาจะได้มีพรรคมารองรับไพร่พลที่อาจจะตื่นตูม แตกกระจายเหมือนผึ้งแตกรังได้ แต่หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่เสียหาย ทั้งสองพรรคก็คัดเลือกและส่งผู้สมัครไปตามปกติ เพื่อเก็บตกคะแนนเสียงที่ทุกคะแนนมีความหมาย ทุกคะแนนไม่ทิ้งน้ำตามที่คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญประกาศไว้
อาจเรียกว่าได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ส่วนบุคลากรของแต่ละพรรคการเมืองอันเป็นสาขาของเพื่อไทยนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง อย่างที่รู้กันทุกครั้งเวลาจะเลือกตั้งเมื่อกางบัญชีรายชื่อของพรรคนายใหญ่แล้ว หากเป็นสมัยก่อนจะมีไปถึงบัญชี 3 บัญชี 4 คราวนี้เมื่อต้องแยกกันตี จึงเป็นการเปิดพื้นที่ให้แกนนำระดับไว้ใจได้กระจายตัวไปดูแลพื้นที่ที่คิดว่าตัวเองจะสามารถช่วงชิงจากคู่แข่งมาได้
นี่ยังไม่นับรวมพรรคประชาชาติของ วันมูหะหมัดนอร์ มะทา ที่แม้ในทางนิตินัยจะยืนยันกันหนักแน่นไม่ใช่นอมินีของใคร ไม่ใช่ตัวแทนของทักษิณ ทั้งหมดจะพิสูจน์ได้ต้องรอหลังเลือกตั้ง จะว่าไปเหล่านี้ก็ถือเป็นช่องโหว่ของกฎหมายที่มีคนเตือนกันไว้ก่อนหน้า ถ้าจะบอนไซพรรคการเมืองใหญ่ก็ให้ระวังการใช้ยุทธวิธีเลี่ยงบาลี หนีกฎหมาย แต่หากคิดแค่พอใจที่ได้เห็นการย่อยสลายหนามตำใจแล้วอย่างอื่นไม่สน นั่นก็อีกเรื่อง