รัฐไทยใน ศก.โลกป่วน
หุ้นตกอีกแล้วหรือ กังวลเศรษฐกิจจีน สงครามการค้า ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ฯลฯ หุ้นขึ้นลงเป็นพัก ๆ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ก็คาดการณ์ได้ เศรษฐกิจโลกจะไม่สวยหรูอย่างที่เป่าหูกัน
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
หุ้นตกอีกแล้วหรือ กังวลเศรษฐกิจจีน สงครามการค้า ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ฯลฯ หุ้นขึ้นลงเป็นพัก ๆ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ก็คาดการณ์ได้ เศรษฐกิจโลกจะไม่สวยหรูอย่างที่เป่าหูกัน
เศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ ที่กู้เงินอนาคตมาใช้ด้วยดอกเบี้ยต่ำ เชื่อมโลกเป็นตลาดเดียว ด้วยเทคโนโลยีสื่อสารคมนาคม กำลังกลืนกินตัวเอง และไม่สามารถออกจากวิกฤติได้ในเวลาสั้น ๆ เมื่อเงินท่วมโลก ผลผลิตล้นความต้องการ ตลาดโลกทำให้เกิดสภาวะรวมศูนย์ความมั่งคั่ง เหลื่อมล้ำจนกลายเป็นเหลื่อมล้น ระหว่างคนรวยคนจน ประเทศรวยประเทศจน ที่ต้องฟาดฟันกันเพื่อต่างคนต่างเอาตัวรอด
เช่นทรัมป์เอาตัวรอดด้วยนโยบายกีดกัน สงครามการค้า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกหดตัว ถามว่าระยะยาวจะรอดไหม
ภาพการกลืนกินตัวเองเช่นนี้ ไม่ต้องเล่นหุ้น เป็นแฟนบอลก็เห็นได้ ปีกลายปารีสทุ่มซื้อเนย์มาร์แบบหน้ามืด ปีนี้ สื่อตีข่าวซื้อขายนักเตะเป็นบ้าเป็นหลัง แต่นอกจากยูเวนตุสซื้อโรนัลโด้ 100 ล้านยูโร ซึ่งแค่ขายเสื้อก็คุ้ม ทีมอื่นกลับไม่กล้าทุ่ม กระทั่งแมนยู มาดริด เพราะนักเตะคนอื่น แม้ฝีเท้ายิ่งหย่อนกว่าเนย์มาร์ โรนัลโด้ ไม่มาก แต่มูลค่าการตลาดห่างกันลิบลับ
ธุรกิจกีฬาฟู่ฟ่า แต่ค่าตัวค่าลิขสิทธิ์ก็ล้นเกิน กระทั่งคนไทยอดดูยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกทางทีวี เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปี (แต่เคเบิลทีวีไม่ยักลดค่าสมาชิก)
โลกยุคนี้สินค้าแบรนด์เนมแข่งกันครองตลาด รายย่อยอยู่ยาก แบบแฟนหนังดูโรงไหนก็มีแต่มาร์เวล ซูเปอร์ฮีโร่ล้นโลก โซเชียลมีเดียสร้าง BNK โอตะแห่ไปจ่าย 500 ขอจับมือ แต่นักร้องร้านอาหารนั่งตบยุง วัยรุ่นสยามมีเงินแต่งตัวเป็นแสน แต่ร้านเสื้อผ้ารายย่อยแทบตาย แข่งกันขายออนไลน์ ฟอร์บส์จัดอันดับเศรษฐีไทยรวยขึ้น ๆ ในขณะที่มะพร้าวลูกละ 4 บาท ลิงกังตกงาน
ทิศทางเศรษฐกิจโลกจึงยังไม่น่าพ้นวิกฤติ ซ้ำยังลามไปสู่ปัญหาสังคม การเมือง อย่างที่พวกชาตินิยมอำนาจนิยมชนะเลือกตั้งในอเมริกายุโรป
แล้วประเทศไทยที่กำลังจะเลือกตั้ง ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกอย่างนี้ ที่ IMF ปรับลดคาดการณ์จีดีพีลง 0.2% จะเป็นอย่างไร
ภาวะอย่างนี้ อาจมีบางคนบอกว่าต้องได้รัฐบาลที่ตัดสินใจฉับไว บ้านเมืองเป็นเอกภาพ ไม่มีเวลาทะเลาะกัน ซึ่งเป็นข้ออ้างซ้ำ ๆ ที่ทำให้รัฐบาลทหารอยู่มาได้ 4 ปี แล้วก็คงยกประเด็นนี้มาย้ำ เพื่อสืบทอดอำนาจ ทั้งที่การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 จะนำไปสู่ความขัดแย้งอยู่ดี
ในด้านกลับกัน 4 ปีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลทหารได้ขยายรัฐราชการให้ใหญ่โต เพิ่มอำนาจอนุมัติควบคุมเข้มงวด และกระชับสู่ศูนย์กลาง ภายใต้โครงสร้างโบราณ ที่เทอะทะไร้ประสิทธิภาพ นี่ต่างหาก ที่ควรถามว่ารัฐอย่างนี้จะนำประเทศฝ่าวิกฤติได้อย่างไร
“รัฐไทย” ที่ขยายทั้งขนาดและอำนาจในช่วง 4 ปี ไม่ใช่เพื่อประสิทธิภาพงานบริการ หรือเพื่อเกื้อหนุนเศรษฐกิจ นั่นล้วนเป็นเป้าหมายรอง จากเป้าหมายอันดับหนึ่งคือ “รักษาความมั่นคง”
4 ปีรัฐบาลนี้มุ่งลงทุนสาธารณูปโภค ทุ่มแก้เศรษฐกิจฐานราก ก็ใช่ แต่ที่สอดไส้มาคืองบความมั่นคงจำนวนมหาศาล ขยายตำแหน่งเพิ่มเงินเดือนเพิ่มกำลัง ยังไม่ต้องพูดถึงซื้ออาวุธ
รัฐราชการที่ใหญ่โต สิ้นเปลือง รวบอำนาจ นี่แหละจะเป็นภาระ ตัวถ่วง มรดกบาป ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกจะปั่นป่วนผันผวนอย่างหนัก ต่อให้นักการเมืองชนะเลือกตั้งก็แก้ยาก
แต่โชคดี นักการเมืองคงไม่ต้องมารับมั้ง ลุงอยู่ต่อก็แล้วกัน