สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 10 ส.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) โดยทั้งดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.ปีนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลงกว่า 300 จุด จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,598.74 จุด ดิ่งลง 831.83 จุด หรือ -3.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,785.68 จุด ลดลง 94.66 จุด หรือ -3.29% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,422.05 จุด ร่วงลง 315.97 จุด หรือ -4.08%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและยุโรป รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าที่อาจฉุดเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง โดยหุ้นกลุ่มสินค้าหรูร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงหุ้นหลุยส์ วิตตอง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.6% ปิดที่ 366.93 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,712.50 จุด ลดลง 264.72 จุด หรือ -2.21% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,206.22 จุด ลดลง 112.33 จุด หรือ -2.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,145.74 จุด ลดลง 91.85 จุด หรือ -1.27%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นข้อตกลงว่าด้วยการที่สหราชอาณาจักรแยกตัวจาก EU (Brexit)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,145.74 จุด ลดลง 91.85 จุด หรือ -1.27%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาต่อผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน “ไมเคิล” รวมทั้งมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 73.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.91 ดอลลาร์ หรือเกือบ 2.3% ปิดที่ 83.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยหนุนแรงซื้อทองคำ นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.9 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ 1,193.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.4 เซนต์ หรือ 0.51% ปิดที่ 14.326 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 827.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1067.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินปอนด์และยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ต.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าอังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1525 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1497 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3199 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3146 ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7084 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7100 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.57 เยน จากระดับ 113.04 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9920 ฟรังก์ จากระดับ 0.9921 ฟรังก์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3033 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2944 ดอลลาร์แคนาดา