สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 11 ต.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า สงครามการค้าอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐขยับลงหลังจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาดเมื่อคืนนี้ แต่นักลงทุนมองว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงอยู่ในระดับที่สูง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,052.83 จุด ร่วงลง 545.91 จุด หรือ -2.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,728.37 จุด ลดลง 57.31 จุด หรือ -2.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,329.06 จุด ลดลง 92.99 จุด หรือ -1.25%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ตลาดหุ้นอิตาลีร่วงลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.98% ปิดที่ 359.65 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่หนักที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันที่ 11,539.35 จุด ลดลง 173.15 จุด หรือ -1.48% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,106.37 จุด ลดลง 99.84 จุด หรือ -1.92% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,006.93 จุด ลดลง 138.81 จุด หรือ -1.94%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเกือบ 2% เมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆของยุโรปและสหรัฐที่ร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,006.93 จุด ลดลง 138.81 จุด หรือ -1.94%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 2.20 ดอลลาร์ หรือ 3.01% ปิดที่ 70.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.83 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 80.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐได้ผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับสัญญาทองคำเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 34.2 ดอลลาร์ หรือ 2.87% ปิดที่ 1,227.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 1.95% ปิดที่ 14.606 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 19.3 ดอลลาร์ หรือ 2.33% ปิดที่ 846.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.00 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1075.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.93 เยน จากระดับ 112.57 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9891 ฟรังก์ จากระดับ 0.9920 ฟรังก์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3050 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3033 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1594 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1525 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3232 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3199 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7103 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7084 ดอลลาร์สหรัฐ