ลากแล้วทุบ

*หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีในรูปแบบของ W-Shape เป็นเวลาทั้งสิ้น 2 เดือนครึ่งก็จะรู้ได้ทันทีว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวในลักษณะนี้มาจากพฤติกรรม “ลากแล้วทุบ” ของนักเล่นกลุ่มสถาบันในประเทศทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงไม่อยากไปถามหาเหตุผลอื่นให้เสียสายตา เพราะแค่รู้ว่า เรื่องทั้งหมดไม่สวยงามเหมือนที่คิดเลยสักครั้ง จึงเลิกทำตัวเป็นพวกโลกสวยสักทีเถอะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีในรูปแบบของ W-Shape เป็นเวลาทั้งสิ้น 2 เดือนครึ่งก็จะรู้ได้ทันทีว่า สาเหตุที่ทำให้ดัชนีแกว่งตัวในลักษณะนี้มาจากพฤติกรรม “ลากแล้วทุบ” ของนักเล่นกลุ่มสถาบันในประเทศทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงไม่อยากไปถามหาเหตุผลอื่นให้เสียสายตา เพราะแค่รู้ว่า เรื่องทั้งหมดไม่สวยงามเหมือนที่คิดเลยสักครั้ง จึงเลิกทำตัวเป็นพวกโลกสวยสักทีเถอะค่ะ

*สิ่งที่ “โมนิก้า” อยากให้ทุกคนกลับไปคิดในเที่ยวนี้คือ การดันดัชนีขึ้นมายืนที่ 1,696.16 จุด บวกไป 13.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 39.66 หมื่นล้านบาท มันใช่จังหวะของการไหลตามน้ำหรือเปล่า ? ซึ่งเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่นักเล่นเคยเห็นจนชินตา และชอบปล่อยอารมณ์ไปตามบรรยากาศการลงทุน ผลสุดท้ายเลยพบกับความผิดหวังเป็นประจำ เพราะดันเจอกับรายการ “ขายหมู ซื้อหมา” ไงล่ะคะ

*นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจรูปแบบการขึ้นลงของดัชนีมีสเต็ปหลัก ๆ อยู่ด้วยกัน 3 สเต็ปในช่วงที่ผ่านมา ไล่เรียงตั้งแต่จุดเด้งกลับอย่างเป็นทางการยังอยู่ที่ 1,670 จุด ส่วนสเต็ปถัดมาเป็นเรื่องของแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,700 จุด ขณะที่สเต็ปสุดท้ายเป็นจุดของการ take profit ซึ่งตอนนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ระดับ ไล่เรียงจากจุดแรก 1,730 จุด และอีกหนึ่งด่านอยู่ที่บริเวณ 1,750 จุดนะจะบอกให้

*วันนี้ถึงไม่ต้องถามว่า ควรทำตัวแบบไหน ? ควรเล่นหุ้นตัวไหน ? และควรขายตอนไหน ? เพราะรูปแบบการขยับตัวที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้กับเที่ยวก่อนไม่ต่างกันเลย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับรู้จักโอนอ่อนผ่อนปรนไปตามจังหวะของตลาดหุ้น และไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวฝืนธรรมชาติอีกต่อไป เพราะการขึ้นของตลาดหุ้นไทยเที่ยวนี้ขึ้นอยู่กับอิทธิพลต่างประเทศ และท่าทีของกองทุนตัวแสบพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของเสือนอนกิน AOT กระชากขึ้นมาปิดที่ 63.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.60%  ด้วยมูลค่า 1.24 พันล้านบาท มันเป็นสเต็ปการเคาะแบบเล่นรอบ ซึ่งเคยเห็นกันมาแล้วในช่วงที่หุ้นดีดตัวขึ้นไปถึง 67 บาท ต่อจากนั้นย้อยตัวลงมายืนแถว 61 บาท “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยวอรี่กับการทะยานขึ้นของหุ้นตัวนี้สักเท่าไหร่ เพราะตลาดให้แวลูของหุ้นอยู่แถวนี้เจ้าค่ะ

*ส่วนที่ติดลมบนไปเสียแล้วในเวลานี้  “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ IVL หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ 57.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.88% ด้วยมูลค่า 818 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเล่นในกรอบเดิมที่บริเวณ 56-62 บาท ที่ ย่อมทำให้เชื่อว่า เที่ยวนี้น่าจะมีการเล่นในกรอบดังกล่าวอีกรอบ หากเป็นดั่งที่เดี๊ยนเกริ่นนำจะทำให้การฟอร์มตัวเที่ยวนี้เริ่ดสะแมนแตน..หากทำไม่ได้ บอกได้ทันทีว่า จบเกมนะคะ

*เหมือนกับในรายของ BANPU ทำท่ากระเสาะกระแสะมาหลายรอบ แถมทุกครั้งที่ตั้งท่าขึ้นแรงทีไร สุดท้ายจบลงด้วยการลงไปทำ new low เป็นประจำ  ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิด 3 ครั้งในรอบ 2 เดือนครึ่ง จู่ ๆ ครั้งนี้ดันวิ่งขึ้นมาแบบรวดเร็ว ก่อนจะจบลงที่ระดับ 18.40 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.55%  ด้วยมูลค่า 526 ล้านบาท มันเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้หุ้นต้องทะยานต่ออีกระยะหนึ่ง..ถ้าทำไม่ได้ จบเช่นกันพะยะค่ะ

*สำหรับในรายของ TISCO มันเป็นช็อตที่ทุกอย่างถูกปูมาเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรขัดขวางการทะยานขึ้นของหุ้น เพียงแต่จังหวะนี้ไม่มีกองทุนตัวแสบเป็นเจ้าภาพอย่างเต็มตัว หุ้นถึงโค้งตัวลงมาเรื่อย ๆ แบบไม่มีลิมิต แต่เมื่อดูจากตัวเลขค่า P/E 9 เท่า “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นพยายามยืนต้านแรงขาย ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 78.50 บาท  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 869 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่คิดหนักพอสมควร เพราะฐานหุ้นจริง ๆ 75 บาทนะคะ

*ส่วนหุ้นที่มีความเชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้นนั้น ก็ดูได้จากกรณีของ CKP พยายามไต่ระดับขึ้นตลอดเวลา ก่อนจะปิดที่ระดับ 5.10 บาท บวกไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 261 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของรายได้ที่จะบุ๊กเข้ามาในอนาคตเป็นจำนวนมาก หุ้นถึงยืนต้านแรงเทขายได้อย่างยอดเยี่ยม แต่จะไปได้ไกลเกินยอดเก่าบริเวณ 5.50 บาทได้ไหม ?  ก็ต้องติดตามดูกันเอาเองนะคะ

*ส่วนหุ้นเล็กพริกขี้หนูที่มาแรงแซงทุกโค้ง “โมนิก้า” คงต้องกลับไปมองที่หุ้น UREKA ก่อนใครเพื่อนอีกเช่นกัน เพราะการทะยานขึ้นมาปิดที่ 1.68 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่ไม่สวยงามเอาเสียเลย เพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์ลากออกของให้เห็นกันมาแล้ว บวกกับหุ้นเทรดบนค่า P/E 90 เท่าเข้าไปแล้วแบบนี้..ใจเย็นไว้ก่อนดีไหม ?

*อีกหนึ่งรายที่ดูสภาพแล้วคงเล่นต่ออีกพักใหญ่ ๆ  บรรดาแมงเม่าต่างลงความเห็นเหมือนกันว่า JKN หลังมีเรื่องราวเกี่ยวกับการเติบโตออกมาให้เห็นเป็นระยะ “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีที่ต้องตามไปล้วงเรื่องราวกันเอาเอง บวกกับหุ้นเพิ่งขยับออกจากฐานได้ไม่นานสักเท่าไหร่ ? จึงน่าตามไปเคาะสั้น เพื่อหาเงินค่าขนมเข้ากระเป๋าในช่วงที่แรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 13.20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 234 ล้านบาทไงล่ะคะ

Back to top button