สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 16 ต.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,798.42 จุด พุ่งขึ้น 547.87 จุด หรือ +2.17% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.92 จุด เพิ่มขึ้น 59.13 จุด หรือ +2.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,645.49 จุด พุ่งขึ้น 214.75 จุด หรือ +2.89%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ต.ค. โดยที่ประชุมจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในประเด็นที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit)

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.6% ปิดที่ 364.99 จุด

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,059.40 จุด เพิ่มขึ้น 30.18 จุด หรือ +0.43% ขณะที่ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,776.55 จุด เพิ่มขึ้น 162.39 จุด หรือ +1.40% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,173.05 จุด เพิ่มขึ้น 77.98 จุด หรือ +1.53%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปและสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 500 จุด ขานรับผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,059.40 จุด เพิ่มขึ้น 30.18 จุด หรือ +0.43%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน รวมทั้งสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและซาอุดีอาระเบียในกรณีการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักข่าวชาวซาอุฯนั้น จะส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 71.92 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 81.41 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นการลงทุนในตลาดหุ้น หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 500 จุด ขานรับผลประกอบการและตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 1,231.00  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.6 เซนต์ หรือ 0.18% ปิดที่ 14.701 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 846.70 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.30 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1073.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร,เงินเยน และฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนก.ย. ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ตัวเลขค่าจ้างของอังกฤษพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.18 เยน จากระดับ 111.89 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ  0.9899 ฟรังก์ จากระดับ 0.9873 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2938 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2986 ดอลลาร์แคนาดา

เงินปอนด์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3191 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3154 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1577 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1583 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวที่ระดับ 0.7138 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button