สังคมข่าวหุ้น
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,695.04 จุด ปรับลดลง 2.83 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.3 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,695.04 จุด ปรับลดลง 2.83 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5.3 หมื่นล้านบาท
* หุ้น AOT ยังไม่ฟื้นจริง ๆ ปรับตัวลงจนหลุดต่ำระดับ 63 บาทไปแล้ว แม้ทางนักวิเคราะห์จะคาดการณ์งบไตรมาส 4 (ก.ค.-ก.ย.61) ของ AOT จะมีโอกาสฟันกำไรกว่า 4 พันล้านบาท โตขึ้นประมาณ 21% จากปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2561 มีกำไรสุทธิพุ่งแตะ 2.4 หมื่นล้านบาท แต่ปรากฏว่า เจอปัจจัยลบรายงานข่าวตัวเลขยอดนักท่องเที่ยวจีนประจำเดือน ก.ย. ยังคงหดตัวลงต่อเนื่อง บวกกับทาง THAI เปิดเผยข้อมูลอีกว่า ล่าสุดทัวร์จีนบางส่วนได้มีการยกเลิกเที่ยวบิน ทำให้ประเด็นยังคงมีน้ำหนัก (มาก) และส่งผลกดดันหุ้น AOT ในกระดาน
* หลายคนก็เลยถามกันว่า แล้วแบบนี้สถานการณ์หุ้น AOT จะกลับไปฟื้นตัวได้อีกครั้งเมื่อไหร่ ? ถ้าให้ว่ากันตามตรงปัจจัยบวกที่จะเข้ามาคลายกังวลหุ้น AOT ในปัจจุบันมีอยู่แค่ 2 ประเด็นหลัก 1. ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติประจำงวดเดือน ต.ค. (โดยเฉพาะกลุ่มคนจีนต้องกลับมาฟื้นตัวเท่านั้น) 2. ภาพรวมกำไรงบปี 2561 ที่ยังเติบโต (อิงตามที่โบรกฯ คาด) โดยในส่วนของตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติงวด ต.ค. เบื้องต้นเห็นว่าสถานการณ์เริ่มกลับมาดีขึ้น เพราะช่วง Golden week ซึ่งถือเป็นเทศกาลท่องเที่ยวของชาวจีนช่วง (วันที่ 1-7 ต.ค.) มีอัตราเพิ่มขึ้นจากปีก่อน อย่างไรก็ตาม กว่าจะประกาศตัวเลขภาพรวมเดือน ต.ค. ยังต้องรอไปถึงประมาณกลางเดือน พ.ย. ขณะที่ตัวเลขผลการดำเนินงานปี 2561 เนื่องจากเป็นแบบงบรวมทั้งปี กว่าจะประกาศก็ต้องรอปลายเดือน พ.ย.อีกเช่นกัน ส่งผลให้ในระยะสั้น AOT ยังไม่สามารถสลัดพ้นปัจจัยลบไปได้
* หุ้นความงาม BEAUTY-DDD-RS กอดคอร่วงหนักแบบยกแผง ข่าวลบเพิ่มเติมยังไม่มีจะมีเพียงอย่างเดียว คือ ประเด็นงบไตรมาส 3 ที่หลายคนเฝ้าจับตารอดูอยู่ว่าจะฟื้นตัวหรือจะต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ เพราะหลายครั้งที่เราได้เห็นราคาหุ้นไหลลงมา มักเป็นการส่งสัญญาณถึงทิศทางของตัวงบด้วยเช่นกัน คนที่ยังสนใจและอยากลงทุนหุ้นกลุ่มนี้จริง ๆ แนะนำไปรอหลังจากประกาศงบเลยดีกว่า จะได้เห็นภาพที่แท้จริงว่า พลิกกลับมาดีขึ้นจริงหรือไม่
* หุ้น STEC ขึ้นแท่น TOP PICK กลุ่มรับเหมาก่อสร้างเรียบร้อย หลังจากล่าสุดภาครัฐเร่งเดินหน้าผลักดันโครงการลงทุนออกมาต่อเนื่อง ทำให้ภาพของหุ้นรับเหมาก่อสร้างกลับมาสดใส สำหรับคนที่มีหุ้น STEC ในมือแล้วสามารถถือต่อเพื่อ “Let profits run” ได้เลย เพราะช่วงระยะสั้นมีปัจจัยบวกตุนไว้เพียบ ทั้งงบไตรมาส 3 ที่โบรกฯ คาดมีโอกาสทำกำไรโตทะลุ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อน แล้วยังมีประเด็นโครงการไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่ง STEC จะผนึกกำลังกับ BTS และ RATCH เข้าร่วมประมูลในนาม BSR มีกำหนดเปิดประมูลในช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้กันแล้ว
* หุ้น OSP ประเดิมเข้าเทรดครั้งแรกวานนี้ ทำราคาเปิดการซื้อขายสูงถึง 30 บาท มากกว่าราคาขาย IPO ที่ระดับ 25 บาท ตลอดทั้งวันได้รับแรงซื้อขายเข้ามาหนาแน่นถึง 1.4 หมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นเป็นอย่างดี สุดท้ายทำราคาปิดบวกที่ 27.25 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 9% ขณะที่ผู้บริหารของโอสถสภากล่าวด้วยความมั่นใจว่า ทิศทางรายได้-กำไรปีนี้จะเติบโตกว่าปีก่อนแน่นอน เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยบวกสำคัญ คือ โรงงานผลิตขวดแก้ว จะกลับมาเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติหลังจากผ่านช่วงปิดปรับปรุงไปแล้ว
* ส่วนในวันนี้มีหุ้นน้องใหม่ไอพีโออีกรายที่จ่อคิวเข้าเทรดแบบต่อเนื่องกัน คือ บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC โดยเคาะราคาขายไอพีโอไว้ที่ 10.20 บาท ล่าสุดวงการเงินประเมินกันมาว่า มีโอกาสไม่เบาที่ราคาหุ้นมีลุ้นวิ่งขึ้นไปแถว 11-12 บาท เพราะถือเป็นหุ้นไอพีโอที่มีคนต้องการสูงมาก บวกกับช่วงนี้หลายคนกำลังมองหาหุ้นพื้นฐานตัวใหม่ดี ๆ เข้าลงทุนกัน จึงกลายเป็นแรงผลักดันสำคัญและพร้อมซัพพอร์ตให้หุ้น BGC วิ่งแกร่งตลอดวันได้อย่างสบาย