สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 17 ต.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ซึ่งระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,706.68 จุด ลดลง 91.74 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.21 จุด ลดลง 0.71 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,642.70 จุด ลดลง 2.79 จุด หรือ -0.04%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากมีรายงานข่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มที่จะปฏิเสธข้อเสนองบประมาณฉบับใหม่ของรัฐบาลอิตาลี นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 17-18 ต.ค. โดยที่ประชุมจะหารือเกี่ยวกับข้อเสนอของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ระดับ 363.54 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,144.95 จุด ลดลง 28.09 จุด หรือ -0.54% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,715.03 จุด ลดลง 61.52 จุด หรือ -0.52% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,054.60 จุด ลดลง 4.80 จุด หรือ -0.07%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในขณะที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เข้าแถลงต่อที่ประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (EU) เรื่องการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,054.60 จุด ลดลง 4.80 จุด หรือ -0.07%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า คณะกรรมการเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,227.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.8 เซนต์ หรือ 0.26% ปิดที่ 14.663 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6.1 ดอลลาร์ หรือ 0.72% ปิดที่ 840.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.30 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1067.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 3% เมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยรายงานดังกล่าวส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงหลุดจากระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 สัปดาห์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 2.17 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 69.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.36 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 80.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงมากกว่าคาด
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.48 เยน จากระดับ 112.18 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9949 ฟรังก์ จากระดับ 0.9899 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3012 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2938 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1506 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1577 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3121 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3191 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7116 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7138 ดอลลาร์สหรัฐ