KTAM ชี้ช่องเปลี่ยน ‘แต้มไร้ค่า’ เป็น ‘เงินออมดิจิทัล’
การปรับตัวให้เท่าทันความก้าวหน้าของยุคสมัย โดยเฉพาะในเรื่องของ “เทคโนโลยีประยุกต์” ถือเป็นภารกิจสำคัญของทุกภาคธุรกิจ
สำนักข่าวรัชดา
การปรับตัวให้เท่าทันความก้าวหน้าของยุคสมัย โดยเฉพาะในเรื่องของ “เทคโนโลยีประยุกต์” ถือเป็นภารกิจสำคัญของทุกภาคธุรกิจ
ธุรกิจการเงินก็เช่นกัน และถือเป็นกลุ่มที่ต้องเร่งสร้างวิวัฒนาการให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดด้วย
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM นำโดย “วัชรา ตันตริยานนท์” ประธานกรรมการบริษัท และ “ชวินดา หาญรัตนกูล” กรรมการผู้จัดการ
พร้อมด้วย “ธวัช อยู่ยอด” กับ “วิเชียร ศิริเวชวราวุธ” 2 กรรมการ ผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารความเสี่ยง และตรวจสอบ พาคณะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ เกี่ยวกับการร่วมพันธมิตรเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเงิน เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
การเดินทางไปครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้า ภายหลังจาก “โทราโนเทค (Toranotec)” ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน “โทราโนโกะ (Toranoko)” เคยมานำเสนอแนวทางการยกระดับบริการด้านการเงิน เพื่อให้ KTAM สามารถเข้าถึงลูกค้าเก่า และโดยเฉพาะการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Toranotec เป็นผู้ริเริ่ม และได้จารึกผลงานบนผืนแผ่นดินญี่ปุ่นมาแล้ว ตามคอนเซ็ปต์ “ใครมีเงินเท่าไหร่ก็เป็นนักลงทุนได้ ด้วยสมาร์ตโฟน”
หลักปฏิบัติไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพียงแค่ใช้แอปฯแปลงร่าง “แต้มรางวัล” มาเป็น “เงินลงทุน” เท่านั้น…แต่คงต้องยอมรับในปัญญาและวิริยะของผู้คิดค้น กว่าจะได้มาซึ่งความคิดและกลายมาเป็นความจริงในทุกวันนี้
คำว่า “ฟินเทค” อาจไม่ใช่เรื่องใหม่แกะกล่องในแวดวงการลงทุนไทย แต่ด้วยเทคโนโลยีประยุกต์ชิ้นนี้ ทำให้เชื่อได้ว่าจะเกิดการปฏิวัติหนทางใหม่สำหรับการออมให้กับคนไทย ทั้งรุ่นใหม่(วัยเก่า) และรุ่นใหม่(วัยเยาว์)ได้
สื่อกลางสำคัญ หรือตัวแปรคือ นวัตกรรมด้านดิจิทัลและความคิด ซึ่งกรณีนี้หมายถึงการใช้ประโยชน์สูงสุดจากสิทธิประโยชน์ที่เราทุกคนได้รับจากการใช้ชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เพียงแต่อาจไม่เล็งเห็นถึงความสลักสำคัญเท่าไหร่นัก
เช่น คะแนนรางวัลบัตรเครดิต ไมล์สะสมสายการบิน แต้มใช้ยอดมือถือ และแสตมป์ร้านสะดวกซื้อ(รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) เป็นต้น
แน่นอนนี่ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค เพราะบรรดาแต้มทั้งหลายก่อนหน้านี้ไม่สามารถเปลี่ยนมาเป็นรูปของตัวเงินได้ ซึ่งแอปฯ Toranoko ก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน…
แต่!! นวัตกรรมทางความคิดนี้จะสามารถเปลี่ยน “แต้มไร้ค่า” มาเป็นเงินทุน(ดิจิทัล)เพื่อซื้อหน่วยในกองทุน ภายใต้การบริหารจัดการของ KTAM ได้ทุกประเภท โดยหวังจะนำมาซึ่งผลตอบแทนในท้ายที่สุด
และท้ายที่สุดกว่านั้น ผลตอบแทนเหล่านี้ก็จะกลายมาเป็น “เงินออมดิจิทัล” ซึ่งท้ายสุดจริง ๆ เมื่อมีการขายหน่วยฯและถอนเงินจากบัญชีลงทุน…นั่นหมายถึงเงินออมในรูปของ “เงินสด!!”
อย่างไรก็ดี การลงทุนคือโอกาสและ “ความเสี่ยง” ถือเป็นสัจธรรม เช่นนั้นปัจจัยสำคัญซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่า เทคโนโลยีประยุกต์นี้สัมฤทธิผลหรือไม่…
คงหนีไม่พ้นข้อเท็จจริงที่ว่า KTAM จะบริหารจัดการกองทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในแง่ของการทำกำไร และรัดกุมในมุมของการจำกัดความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด
ปัจจุบัน ประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพสูง ในแง่ของศูนย์รวมองค์ประกอบที่จะหนุนนำให้ Toranoko ช่วยสร้างความสำเร็จให้ KTAM ได้
ทั้ง “ตัวเลขจีดีพีต่อหัว” ก็ดี “สัดส่วนประชากรที่มีบัญชีธนาคาร” และ “จำนวนผู้ใช้สมาร์ตโฟน” ก็ถือว่าอยู่ในสถานการณ์เงื่อนไขที่เหนือกว่าประเทศในเทียร์เดียวกันอย่าง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
ประกอบกับระบบการทำธุรกรรมทางการเงินในปัจจุบันที่ก้าวหน้า ล้ำสมัยและจูงใจ เช่น “อินเทอร์เน็ตแบงกิ้งแบบฟรีค่าธรรมเนียม” ก็โดดเด่นที่สุด
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้แผนโครงการนี้มีโอกาสสัมฤทธิผลได้ในอนาคตอันใกล้ ทั้งในส่วนของการสร้างประโยชน์สูงสุดแก่นักลงทุนในฐานะผู้ออม และ KTAM ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจให้บริการทางการเงิน
ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างแสวงหาจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ…การสร้างผลกำไรสูงสุด!!!
งานนี้ “ประธานวัชรา” ก็ส่งสัญญาณมาแล้วว่า หาก “เอ็มดีชวินดา” แสดงให้เห็นได้ว่าเป็นของดีจริง! บอร์ดก็พร้อมให้การสนับสนุน…
เหล่าท่านนักลงทุนก็รอติดตามดูให้ดี ว่าเราจะพบเจอมิติใหม่แห่งการออมนี้ เกิดขึ้นได้อีกเร็วช้าเพียงใด