สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 23 ต.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัท แคทเธอร์พิลลาร์ และ 3M นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบและตลาดหุ้นจีน รวมทั้งความกังวลจากรายงานที่ว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้ปฏิเสธร่างงบประมาณประจำปีหน้าของอิตาลี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,191.43 จุด ร่วงลง 125.98 จุด หรือ -0.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,740.69 จุด ลดลง 15.19 จุด หรือ -0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,437.54 จุด ลดลง 31.09 จุด หรือ -0.42%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและงบประมาณของอิตาลี หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ได้ปฏิเสธการยอมรับร่างงบประมาณประจำปีหน้าของอิตาลี พร้อมกับแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของอิตาลี นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกยังสร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเช่นกัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.6% ปิดที่ 354.06 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,274.28 จุด ลดลง 250.06 จุด หรือ -2.17% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,967.69 จุด ลดลง 85.62 จุด หรือ -1.69%  ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,955.21 จุด ลดลง 87.59 จุด หรือ -1.24%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าได้ฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติร่วงลง นอกจากนี้ การดิ่งลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นลอนดอนเช่นกัน

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,955.21 จุด ลดลง 87.59 จุด หรือ -1.24%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าจะรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มการผลิต นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกยังสร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันด้วยเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 66.43 อลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.ปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.39 ดอลลาร์ หรือเกือบ 4.3% ปิดที่ 76.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนส.ค.ปีนี้

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 12 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำเช่นกัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 12.2 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,236.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ปีนี้

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 20.6 เซนต์ หรือ 1.41% ปิดที่ 14.793 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 12.9 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ 835.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 15.10 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1122.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆเช่นกัน ซึ่งรวมถึงสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์เช่นกัน

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.47 เยน จากระดับ 112.80 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9956 ฟรังก์ จากระดับ 0.9961 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3087 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3103 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1467 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1466 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2985 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2971 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7084 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7083 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button