สังคมข่าวหุ้น
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,623.37 จุด ปรับลดลง 35.19 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.5 หมื่นล้านบาท
สังคมข่าวหุ้น : นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,623.37 จุด ปรับลดลง 35.19 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.5 หมื่นล้านบาท
* เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นไทยปิดอยู่ที่ 1,695 จุด ผ่านมาแค่ 1 สัปดาห์ ปรากฏว่า SET ถดถอยลงมาเหลือเพียง 1,623 จุด เท่ากับลดลงไปแล้วกว่า 70 จุด ต้องยอมรับความจริงว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยยังไม่ใช่จังหวะที่ดี โดยเฉพาะนักลงทุนระยะสั้นควรชะลอการเล่นเก็งกำไรไปก่อนชั่วคราว แล้วหันมาเน้นถือเงินสดไว้เป็นหลัก เพราะถ้าวัดจากความเคลื่อนไหว SET เมื่อวานนี้ มีช่วงหนึ่งที่ไหลลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,618 จุด สะท้อนให้เห็นเช่นกันว่า ตลาดหุ้นไทยยังพร้อมที่จะลงต่อ
* ตอนนี้นอกจากตลาดหุ้นไทยจะขาดปัจจัยบวกใหม่ ๆ แต่ขณะเดียวกันยังยืนอยู่ท่ามกลางปัจจัยลบของต่างประเทศที่พร้อมโถมใส่กดดัน แล้วยังมีกรณีหุ้นไซซ์ใหญ่ทั้งหลายที่งบไตรมาส 3 มีแนวโน้มออกมาไม่ดี เช่น PTT ได้รับผลกระทบจากประเด็นภาษี PTTOR หรือจะหุ้น CPALL ที่คาดการณ์งบ Q3 ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัว และ AOT แม้ไตรมาส 4 (ก.ค.-ก.ย. 2561) จะสามารถเติบโตได้ (ตามที่โบรกฯ คาด) แต่ถูกดันจากกรณีตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว ซึ่งเพียงแค่ 3 หุ้นนี้ก็คิดเป็นมาร์เก็ตแคปรวมเกือบ 3 ล้านล้านบาท ดังนั้น เมื่อราคาหุ้นของ PTT-AOT-CPALL ยังพร้อมใจอยู่ในช่วงขาลงจึงกลายเป็นปัจจัยลบที่สร้างอิมแพ็กถึง SET ต่อไป
* ถึงแม้ตอนนี้จะดูเต็มไปด้วยข่าวลบไปหมด แต่จริง ๆ แล้วยังไม่เลวร้ายจนถึงขั้นลงทุนกันไม่ได้ เพราะในทางตรงกันข้ามจังหวะนี้ คือ โอกาสงามสำหรับนักลงทุนระยะยาวให้ทยอยเข้าสะสม (ย้ำอีกครั้งทยอยสะสม ไม่ใช่เทหมดหน้าตัก) เพราะมีหุ้นหลายตัวที่ลงหนักจนสวนทางกับภาพของพื้นฐาน ส่วนหุ้นที่ยังต้องเลี่ยงสถานเดียวกัน คือ กลุ่มหุ้นงบไตรมาส 3 ชะลอตัวหรือยังมีปัจจัยลบเสี่ยงกดดัน เพราะถือเป็นกลุ่มหุ้นที่จะโดนสาดเทขายออกมาก่อนใครเพื่อน
* เริ่มกันด้วยหุ้นแรก BEM ล่าสุดถอยกลับมาปิดแดนลบที่ 8.15 บาท รอบ 4 วันทำการล่าสุดลดลงรวม 4% ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม จึงตอกย้ำสถานะว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่รับมือในช่วงตลาดลงหรือยามผันผวนได้ดี โดยมีแรงหนุนสำคัญจากงบไตรมาส 3 ที่จะมีโอกาสทำกำไรโตทะลุ 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นโดดเด่นจากการบุ๊กกำไรพิเศษขายหุ้น CKP และปรับมูลค่าลงทุน ขณะที่กำไรปกติไม่รวมรายการพิเศษยังอยู่ในเกณฑ์ดีตามการเติบโตธุรกิจรถไฟฟ้าและทางด่วน
* แล้วยังมีสตอรี่ให้น่าจับตาเช่นการเข้าประมูลโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน (ประมูลกลางเดือน พ.ย.นี้) ทำให้ภาพของหุ้นดูสดใส มีปัจจัยบวกหนุนราคาชัดเจน ซึ่งจากการเติบโตของ BEM จะส่งผลดีต่อหุ้นแม่ CK ไปด้วยเช่นกัน (โบรกฯ คาด CK งบ Q3 กำไรโต 1.5 พันล้านบาท) แต่โดยรวมแล้วยังชอบในตัว BEM มากกว่าหุ้น CK เพราะมีพื้นฐานธุรกิจมั่นคงไม่เหวี่ยงเหมือนธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
* หุ้น IVL เป็นเพียงหุ้นใหญ่ตัวเดียวที่ดูน่าทยอยสะสม จากแรงบวกของงบไตรมาส 3 และภาพรวมทั้งปีที่กำไรโตเด่นระดับท็อปหุ้นปิโตรเคมี แล้วช่วงเวลาที่เหลืองวดปี 2561 ยังมีลุ้นให้เห็นปิดดีลเข้าซื้อกิจการเพิ่มได้อีก ซึ่งจะกลายเป็นอัพไซด์เพิ่มต่อหุ้น IVL ในอนาคต
* หุ้นขนาดกลางนอกกระแสเลือก HUMAN ชอบในความที่เป็นบริษัทกำไรโตเด่นทุกไตรมาส และมีอัตราทำกำไรสุทธิเฉลี่ยสูงกว่า 20% โดยธุรกิจซอฟต์แวร์บริหารงานทรัพยากรบุคคล เป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตตามกระแสโลกยุคดิจิทัล ทำให้แต่ละบริษัทเริ่มใช้ซอฟต์แวร์เข้ามาร่วมบริหารจัดการธุรกิจมากยิ่งขึ้น และส่งผลให้บริษัทมีโอกาสขยายฐานลูกค้าเพิ่มพร้อมกับสร้างผลประกอบการเติบโตสม่ำเสมอ ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ 10.80 บาท นับว่าถูกกว่าสมัยผู้ถือหุ้นใหญ่ขายบิ๊กล็อตให้กองทุนในราคา 11.10-11.20 บาท เสียอีก
* ปิดท้ายด้วยหุ้นน้องใหม่รายล่าสุด TIGER ลงสนามเข้าเทรดวันแรกท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยดิ่งหนัก แม้จะมีช่วงที่ราคาหุ้นถอยลงจนหลุดต่ำ 3.65 บาท แต่สุดท้ายก็หวนกลับมาพร้อมกับปิดตลาดเหนือจองที่ระดับ 3.68 บาท งานนี้ ต้องขอปรบมือให้ดัง ๆ สำหรับ TIGER ถือเป็นหุ้นที่พื้นฐานแข็งแกร่งน่าสนใจมากนะ มีแบ็กล็อกในมือกว่า 600 ล้านบาท สามารถทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องทั้งในปี 2561-2562 แล้วยังมีแผนที่จะเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติมทั้งจากภาครัฐหรือเอกชน จึงถือเป็นหนึ่งในหุ้นดีที่อยากฝากไว้ให้พิจารณาพร้อมกับเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าเก็บหุ้นในกระดานได้แล้ว