“นอร์ทอีส รับเบอร์”เปิดจองไอพีโอ29ต.ค. ลุ้นกระแสตอบรับล้นหลังโรดโชว์คึกคัก-P/Eต่ำ9.96เท่า

“นอร์ทอีส รับเบอร์” เปิดจองไอพีโอ 29 ต.ค.นี้ มั่นใจกระแสตอบรับล้น หลังโรดโชว์ 17 จังหวัดคึกคัก ชู P/E ต่ำ 9.96 เท่า


นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเปิดเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 29-31 ต.ค.2561 โดยแต่งตั้ง บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 7 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

ทั้งนี้ NER จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท คิดเป็น 38.96% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ในราคา 2.58 บาทซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 770 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,540 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท โดยคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในเดือนพฤศจิกายน 2561

โดยที่ผ่านมา NER ได้ทำการเดินสายเพื่อนำเสนอข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุนในประเทศจำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง นครปฐม ราชบุรี อุบลราชธานี สุรินทร์ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา และกรุงเทพมหานคร และต่างประเทศ 3 ประเทศ ได้แก่ สิงค์โปร์ ฮ่องกง และจีน เพื่อให้นักลงทุนสถาบันและคู่ค้าได้ทำความเข้าใจและรู้จักบริษัทมากยิ่งขึ้น

สำหรับการระดมทุนครั้งนี้ NER จะนำเงินที่ได้จากลงทุนในเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 60,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 และมีแผนที่จะสร้างโรงงานใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตยางแท่ง (STR) และยางแท่งผสม (Mixtures Rubber) กำลังการผลิต 172,800 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ส่วนเงินระดมทุนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

ทั้งนี้ เมื่อรวมการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) ที่จะแล้วเสร็จในปี 2562 และการลงทุนก่อสร้างโรงงาน ยางแท่ง STR และยางแท่งผสมแห่งใหม่ที่จะแล้วเสร็จในปี 2563 จะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตยางพาราแปรรูป รวมทั้งโรงงานเป็น 465,600 ตันต่อปี

 

ทั้งนี้ “ผู้สื่อข่าว” รายงานว่า การเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 600 ล้านหุ้น มีการกำหนดราคาอยู่ที่หุ้นละ 2.58 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 9.96 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งค่า P/E ดังกล่าวถือว่าต่ำกว่ากลุ่มธุรกิจการเกษตรซึ่งมี P/E อยู่ที่ 16.34 เท่า

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 9,819.70 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 224.12 ล้านบาท และสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 3,976.51 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 166.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.19%

Back to top button