กบข. ขาดทุนหุ้น?

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*นี่เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องพูดถึงหน่วยงานระดับชาติที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมของประเทศไทย ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากใบสั่งทำหุ้นของคนมีอำนาจทางด้านเศรษฐกิจเมื่อสัปดาห์ก่อน จนกลายเป็นประเด็นที่ทำให้สมาคมแมงลือเม้าท์กันอย่างสนุกสนานว่า สถานการณ์ของกองทุน กบข. ไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ ? หลังมีมือดีออกมาปล่อยข่าวกองทุนขาดทุนออกมาเขย่าขวัญนะซี

*ประเด็นดังกล่าวถูกต่อยอดด้วยจังหวะซื้อ ๆ ขาย ๆ ของพวกกองทุนตัวแสบ พร้อมกับมีการคำนวณเสร็จสรรพเป็นที่เรียบร้อยว่า การเคาะหุ้นสไตล์กองทุนตัวแสบมีแต่เข้าเนื้อ ไม่มีทางได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ เผลอ ๆ อาจติดหุ้นราคาสูงไว้จำนวนหนึ่งเสียด้วยซ้ำ “โมนิก้า” ถึงต้องออกมาเป็นกาวใจเพื่อทำให้เรื่องดังกล่าวไม่ลุกลามใหญ่โตไปกว่าที่เป็นอยู่นะจะบอก

*เนื่องจากตอนนี้มีการเม้าท์ไปถึงขั้นที่ว่า ผลงานของกองทุนดังกล่าวติดลบ 1% พร้อมกับมีการตั้งคำถามถึงเลขาธิการคนปัจจุบัน “วิทัย” ไม่ออกมาชี้แจงเรื่องร้อน ๆ ให้ชาวบ้านชาวช่องรู้กันบ้างเลยหรือ ? แถมเมื่อมองจากข้อมูลในอดีตจะเห็นว่า ผลงานของกองทุนโดยเฉลี่ยยังบวกค่อนข้างเยอะ จึงทำให้บรรดาขาเผือกแถวถนนพระราม 4 หูผึ่งขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าวกระทบแก้วหูพะยะค่ะ

*มิหนำซ้ำเรื่องดังกล่าวยังถูกย้ำหัวหมุดด้วยข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ www.gpf.or.th (เว็บ กบข.) ซึ่งมีการบรรยายตั้งแต่หน้าแรกเมื่อเข้าเว็บไซต์ว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นโลกผันผวนกระทบตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จึงกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนของ กบข. ในระยะสั้นแบบเลี่ยงไม่ได้ และความผันผวนดังกล่าวยังมีแนวโน้มที่จะคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง..มันเป็นการส่งซิกแบบมีนัยสำคัญใช่ไหม ?

*เผือกร้อนชิ้นนี้กระทบชิ่งโดยตรงกับขาเก้าอี้ของเลขาธิการใหม่ถอดด้ามเต็ม ๆ พร้อมกับมีเสียงร่ำลือไปถึงขั้นที่ว่า เสี่ยงคุก..เสี่ยงตะราง ! เพราะเงินที่เอามาบริหารเที่ยวนี้เกี่ยวข้องกับข้าราชการทั้งประเทศ จึงมีกฎระเบียบข้อบังคับป้องกันความเสียหายมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง “โมนิก้า” ถึงบอกกับแฟนคลับได้แค่ว่า ต้องติดตามดูตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร ? เพราะทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหนนะซี

*เหมือนกับการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนีในช่วงเปิดเทรด จนขึ้นไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ระดับ 1,645.98 จุด ก่อนจะม้วนตัวลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,630.73 จุด ต่อจากนั้นเด้งขึ้นมาปิดที่บริเวณ 1,636.88 จุด บวกไป 7.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.77 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการขึ้นแบบไม่มีวอลุ่มสนับสนุน แถมกองทุนตัวแสบไม่แสดงบทพ่อบุญทุ่มแบบนี้..น้ำลายเหนียวคอแน่นอนเจ้าค่ะ

*เรื่องนี้ดูได้จากอาการของหุ้นตัวพ่อกลุ่มแบงก์อย่าง KBANK โดนถล่มเทขายตั้งแต่เช้าจรดเย็นแบบน่ากังขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เม้าท์กันให้แซ่ดว่า หุ้นทีเด็ด ! พอเอาเข้าจริงกลับมีเรื่องของ NPL ปูดขึ้นมาสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ บรรดานกรู้เลยสาดหุ้นทิ้งแบบไม่คิดชีวิต จนราคาหุ้นร่วงลงมาปิดที่ 199.50 บาท ลบไป 6.50 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.81 พันล้านบาท พร้อมกับทำ triple low จึงเป็นไฟต์บังคับที่หุ้นต้องเด้งขึ้น..ถ้าไม่เด้ง ลงยาวนะจ๊ะ

*ส่วนที่หมดสภาพจนมองไม่เห็นช่องทางที่จะกู้ให้กลับมาดีดั่งเดิม “โมนิก้า” คงต้องโฟกัสไปที่น้องมิ้น MINT เป็นลำดับถัดมา หลังแบกรับภาระหนี้สินเป็นจำนวนมากถึงแสนล้าน รวมทั้งต้องรับภาระดอกเบี้ยอีกไม่ต่ำกว่าสี่พันล้าน เลยกลายเป็นไฟต์บังคับที่ต้องขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต จึงไม่ต้องแปลกใจที่วานนี้หุ้นลงมากองอยู่ที่ 35 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 พันล้านบาทพะยะค่ะ

*สำหรับในรายของ SCB โดนผลกระทบลูกหลงหลายกระทอกด้วยกัน จึงกลายเป็นหุ้นที่ผู้คนเม้าท์มอยเยอะพอสมควร พร้อมกับระบายออกด้วยการขายหุ้นทิ้งเพื่อจำกัดความเสี่ยง บวกกับทิศทางของหุ้นอยู่ในทิศทางโค้งตัวลงแบบพอดีพอเจาะ “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่บริเวณ 135 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 990 ล้านบาท ไม่น่าใช่จุดต่ำสุดของการลงเที่ยวนี้นะคะ

*แหวกโผขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ “โมนิก้า” คงต้องหันไปดูหุ้นขาปั่นน่องเหล็กดวงใหม่อย่าง SEAOIL ทะยานขึ้นมาปิดที่ 2.98 บาท บวกไป 0.52 บาท หรือขึ้นไป 21.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 158 ล้านบาท พร้อมกับสร้างความมึนงงให้กับนักเล่นสายคุณค่าแบบนี้ มันเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนต้องระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้กับหุ้นซอมบี้ในตลาด mai..งานนี้บอกได้แค่ว่า ลุกขึ้นมาหลอนภาค 3 เจ้าค่ะ