สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 1 พ.ย. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นไปด้วยดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทดาวดูปองท์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,380.74 จุด พุ่งขึ้น 264.98 จุด หรือ +1.06% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,434.06 จุด เพิ่มขึ้น 128.16 จุด หรือ +1.75% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,740.37 จุด เพิ่มขึ้น 28.63 จุด หรือ +1.06%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติ
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 363.08 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,468.54 จุด เพิ่มขึ้น 21.03 จุด หรือ +0.18% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,085.78 จุด ลดลง 7.65 จุด หรือ -0.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,114.66 จุด ลดลง 13.44 จุด หรือ -0.19%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) เนื่องจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าได้ฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในปีหน้า
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,114.66 จุด ลดลง 13.44 จุด หรือ -0.19%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 4 เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เพิ่มการผลิตอย่างต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 1.62 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 63.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ดิ่งลง 2.15 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 72.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือนเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 23.6 ดอลลาร์ หรือ 1.94% ปิดที่ 1,238.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 49.5 เซนต์ หรือ 3.47% ปิดที่ 14.777 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 19.8 ดอลลาร์ หรือ 2.35% ปิดที่ 862.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 12.90 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 1,081.40 ดอลลาร์/ออนซ์

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้บรรลุข้อตกลง Brexit ในภาคบริการทางการเงิน ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3013 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2778 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าสู่ระดับ 1.1408 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1326 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7206 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7077 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.65 เยน จากระดับ 112.92 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0023 ฟรังก์ จากระดับ 1.0082 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3087 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3161 ดอลลาร์แคนาดา

Back to top button