CHAYO พุ่งเกือบ6% หลังหลุด Cash Balance วันแรก โบรกฯแนะซื้อเก็งกำไร ชี้ครึ่งปีหลังโตแกร่ง
CHAYO พุ่งเกือบ 6% หลังหลุด Cash Balance วันแรก โบรกฯแนะซื้อเก็งกำไร ชี้ครึ่งปีหลังโตแกร่ง ล่าสุด ณ เวลา 11.32 น. อยู่ที่ 5.40 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 5.88% สูงสุดที่ 5.45 บาท ต่ำสุดที่ 5.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 43.62 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ล่าสุด ณ เวลา 11.32 น. อยู่ที่ 5.40 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 5.88% สูงสุดที่ 5.45 บาท ต่ำสุดที่ 5.10 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 43.62 ล้านบาท
โดย ราคาหุ้น CHAYO ปรับตัวขึ้น หลังจากหมดอายุการใช้เกณฑ์ Cash Balance เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2561 เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้ประกาศขยายเวลา
ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” CHAYO คาดแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 รวมถึงช่วงครึ่งปีหลัง เติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน จากการเริ่มรับรู้รายได้กองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพชนิดมีหลักประกัน
ทั้งนี้ผู้บริหารยังคงเป้าการซื้อกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพปี 61 ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท โดยซื้อเพิ่มจากไตรมาส 2/60 ที่ 8,661 ล้านบาท และปิดยอดไตรมาส 3/61 ที่ 9,207 ล้านบาท และได้เปลี่ยนธุรกิจหลักของบริษัท “ชโย คอลเซนเตอร์” เป็น “ชโย พร๊อพเพอร์ตี้ แอนด์ เซอร์วิส” เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาท เพื่อทำธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยวิธีรับจำนองอสังหาริมทรัพย์ รับซื้ออสังหาริมทรัพย์ด้วยวิธีขายฝาก รวมถึงพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ด้วย
อีกทั้งได้ตั้งบริษัทย่อย “ชโย เงินกู้” (ถือหุ้น 70%) มีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อทำธุรกิจให้สินเชื่อในกลุ่มพนักงานโรงงาน พนักงานบริษัทเอกชนที่ปกติเสียดอกเบี้ยเงินกู้นอกระบบสูงถึง 60-120% ต่อปี ให้ลดลงเหลือไม่เกิน 36% ต่อปีเมื่อกู้เงินในระบบ คาดจะเริ่มดำเนินงานในไตรมาส 4/61 โดยมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องเนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนให้เพิ่มสัดส่วนจำนวนลูกหนี้ในระบบให้มากขึ้น โดยยอด Outstanding Loans ของ Nano Finance ทั้งประเทศ ณ เดือน ส.ค.61 มีมูลค่ารวม 22,049 ลบ.เพิ่มขึ้น 515% เทียบจากปีก่อน
นอกจากนี้ยังคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62 ราว 92 ล้านบาท เติบโต 22% เทียบจากปีก่อน จากรายได้รวมที่คาดจะเติบโตราว 18% เทียบจากปีก่อน สู่ 250 ล้านบาท มีสัดส่วนหลักมาจากรายได้จากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่คาดจะเติบโตราว 20% เทียบจากปีก่อน สู่ 198 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทประมูลกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเข้ามามากขึ้นหลังจากบริษัทได้รับเงินจากการระดมทุนเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) โดยใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจาก 67.5% ในปี 61 เป็น 68.0% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 35.3% ในปี 61 สู่ 36.7% จากการรับรู้สัดส่วนรายได้จากสินทรัพย์ด้อยคุณภาพชนิดมีหลักประกันเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามยังไม่ได้รวมผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยได้แก่ ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งจัดตั้งไว้ในประมาณการ ซึ่งจะเป็นอัพไซต์ในอนาคต