BEAUTY เด้ง 3% นิวไฮในรอบ 1 เดือน โบรกฯแนะ “ซื้อ” ชูเป้า 12.30 บ. ชี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
BEAUTY เด้ง 3% นิวไฮในรอบ 1 เดือน โบรกฯแนะ "ซื้อ" ชูเป้า 12.30 บ. ชี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย ณ เวลา 15.52 น. ราคาอยู่ที่ 10.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.91% สูงสุดที่ 10.80 บาท ต่ำสุดที่ 10.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 880.75 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ณ เวลา 15.52 น. อยู่ที่ 10.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.91% สูงสุดที่ 10.80 บาท ต่ำสุดที่ 10.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 880.75 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 11 บาท เมื่อวันที่ 3 ต.ค.61
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 พ.ย.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท/หุ้น โดยมองว่ากำไรสุทธิของ BEAUTY ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/61 คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 อยู่ที่ 317 ล้านบาท (ลดลง 8.9% จากปีก่อน, 25.7%จากไตรมาสก่อน) และรายได้ที่ขยายตัวโดดเด่นอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3.9% จากปีก่อน, 31.4% จากไตรมาสก่อน) จากรายได้ในประเทศที่ขยายตัวทุกช่องทาง จากSSSG ที่กลับมาฟื้นตัวอยู่ที่ เพิ่มขึ้น 3% (จากลดลง 12% ในไตรมาส 2/61 ), การออกผลิตภัณฑ์ใหม่
โดยผลิตภัณฑ์กลุ่ม Luxury Collection ได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะ Luxury Velvet Matte Lipstick โดยปัจจุบันเริ่มมีขายในประเทศจีนแล้ว ซึ่งเรามองว่าจะเป็น product champion แทน Lip No.9 สำหรับรายได้จากต่างประเทศ เราคาดรายได้จาก CBEC (Cross-Bordered-E-Commerce) ขยายตัวโดดเด่น โดย BEAUTY ได้เซ็นต์สัญญากับเวปไซต์รายใหญ่ของจีนจำนวน 5 ราย
อีกทั้งการขยายสาขา โดย ณ สิ้น ไตรมาส 3/61 มีทั้งหมด 366 สาขา (ไตรมาส 3/60 = 336 สาขา, ไตรมาส 2/61 = 348 สาขา) พร้อมทั้ง Gross profit margin ขยายตัวจากไตรมาสก่อน แต่ลดลงจากปีก่อน อยู่ที่ 66.5% จากการจัดโปรโมชั่นลดราคาในช่วงเดือน ก.ค. – ส.ค. “เปิดบ้าน BEAUTY เอาใจสายเปย์ เทกระหน่ำ” และ EBIT margin ปรับตัวลดลงทั้งจากไตรมาสก่อน และจากปีก่อน อยู่ที่ 39.1% จาก SG & A to total sales ขยายตัวอยู่ที่ 31% (ไตรมาส 3/60 = 27.1%, ไตรมาส 2/61 = 29.1%)
อย่างไรก็ดี แม้กำไรสุทธิ 9 เดือน ปี 2561 คิดเป็น 65.6% ของกำไรสุทธิปี 2018 แต่เรามองว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/61 จะเติบโตก้าวกระโดดทั้งจากไตรมาสก่อน และจากปีก่อน โดย BEAUTY จะเข้าสู่ High season ในไตรมาส 4 คาดรายได้ในประเทศเติบโตโดดเด่น และเริ่มรับรู้รายได้จากการทำตลาดในประเทศใหม่ๆ เช่น มาเลเซีย, สิงค์โปร์ซึ่งอยู่ระหว่างเซ็นต์สัญญากับ Distributor จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 อยู่ที่ 1,304 ล้านบาท เพิ่ม 6% จากปีก่อน จากรายได้ที่ขยายตัวอยู่ที่ 4,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.6% จากปีก่อน หนุนโดยการขยายสาขา, การออกผลิตภัณฑ์ใหม่, SSSG ที่ขยายตัวต่อเนื่อง และรายได้จากต่างประเทศที่ขยายตัวสูง
ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 12.30 บาท อิง DCF (WACC 12.9%, TG 3.5%) เทียบเท่า PER ปี 2019 ที่ 24.2x ปัจจุบัน BEAUTY เทรดอยู่ที่ PER 19.7x ซึ่งต่ำกว่า ลดลง 1.5 SD Avg. PER 32.5x มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา ลดลง 41.8% ในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบเกี่ยวกับอัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้ที่ชะลอตัวไปหมดแล้วจากผลกระทบของการตรวจจับ อ.ย.
อีกทั้ง มี Short term catalyst จากการซื้อหุ้นคืนที่ 64 ล้านหุ้น (ครบกำหนด 23 ม.ค. 2019) ปัจจุบันมีการซื้อคืนทั้งสิ้น 12.7 ล้านหุ้น คงเหลืออีก 51.3ล้านหุ้น และคาดรัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนเร็วๆนี้ ส่งผลบวกระยะสั้นกับหุ้นที่มีนักท่องเที่ยวจีนเป็นลูกค้าสำคัญอย่าง BEAUTY (ซื้อ/ 12.30 บาท) และ DDD (ถือ / 36.00 บาท) ทั้งนี้ แนะนำให้ “เข้าซื้อสะสม” หุ้น BEAUTY