พาราสาวะถี
ขึ้นชื่อว่าแนวร่วมย่อมสนับสนุนผู้นำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งเป็นผู้สนับสนุนที่มีความรู้เสียด้วยแล้ว ไม่ว่าผู้นำจะทำอะไรก็ต้องหาเหตุหาผลมาช่วยอธิบายเพื่อทำให้เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองยกมือเชียร์มาตั้งแต่ต้นนั้นถูกต้อง ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด ด้วยเหตุนี้กระมังท่ามกลางคำเตือนและถากถางเย้ยหยันต่อการเดินคารวะแผ่นดินของ สุเทพ เทือกสุบรรณ และชาวคณะพรรครวมพลังประชาชาติไทย จึงมีความเห็นใจที่น่าจะเป็นหยาดทิพย์ชะโลมใจให้ลุงกำนันได้หายเหนื่อยบ้าง
อรชุน
ขึ้นชื่อว่าแนวร่วมย่อมสนับสนุนผู้นำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งเป็นผู้สนับสนุนที่มีความรู้เสียด้วยแล้ว ไม่ว่าผู้นำจะทำอะไรก็ต้องหาเหตุหาผลมาช่วยอธิบายเพื่อทำให้เห็นว่าสิ่งที่ตัวเองยกมือเชียร์มาตั้งแต่ต้นนั้นถูกต้อง ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด ด้วยเหตุนี้กระมังท่ามกลางคำเตือนและถากถางเย้ยหยันต่อการเดินคารวะแผ่นดินของ สุเทพ เทือกสุบรรณ และชาวคณะพรรครวมพลังประชาชาติไทย จึงมีความเห็นใจที่น่าจะเป็นหยาดทิพย์ชะโลมใจให้ลุงกำนันได้หายเหนื่อยบ้าง
นั่นก็คือ สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขาประจำผู้ร่วมเป่านกหวีดทุกค่ำคืนในยามม็อบชัตดาวน์ประเทศ ที่ให้กำลังใจเทพเทือกว่า งานสร้างพรรคการเมืองของประชาชน ยากลำบากแสนสาหัส ดุจลุงโง่ย้ายภูเขา ปล่อยให้คนฉลาดที่งอมืองอเท้าทั้งหลาย จงหัวเราะเยาะลุงโง่ต่อไปเถิด
แต่คนถ่อยเท่านั้นที่หัวเราะเยาะความมุมานะบากบั่นของผู้อื่น โดยที่ตัวเองดีแต่ปาก มือไม่พาย งอมืองอเท้า ใช้ชีวิตแบบทิ้งขว้างลมหายใจไปวัน ๆ ไม่ว่าจะต้องกินเวลายาวนานแค่ไหน เส้นทางยาวไกลเพียงใด เหล่าลุงโง่ก็ต้องเดินคารวะแผ่นดินทั่วประเทศ ปูทางวางรากฐานในการสร้างพรรคการเมืองของประชาชนต่อไป จนกว่าจะสำเร็จให้จงได้ลุงโง่ทั้งหลายสู้ ๆ
ไม่รู้ว่านี่จะเรียกเป็นอาการหลับหูหลับตาเชียร์หรือไม่อย่างไร แต่ในมุมของคนที่อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ย่อมมองเห็นความพยายามและความแตกต่างอย่างเข้าใจและสงสารลุงกำนันจับใจ เพราะบรรยากาศครั้งนั้นมันไม่หวนกลับมา ทำให้การเดินในครั้งนี้จึงดูเหงาหงอยถนัดตา ขณะเดียวกันลุงที่อ้างการปฏิรูปและเปลี่ยนแปลง ก็ยังไม่ทิ้งนิสัยเดิม คนเห็นต่างที่มาด่าทอต่อว่า ก็ไปกล่าวหาว่าเขาเป็นคนของอำนาจเก่า ถูกจ้างให้มาป่วน
นี่หรือคือนักการเมืองผู้ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง คือการเมืองปูทางวางรากฐานสร้างพรรคการเมืองของประชาชน แต่ยังแยกประชาชนเป็นพวกเขาพวกเรา ยังใจแคบแม้จะพยายามแสดงความใจกว้างไม่ด่าทอตอบโต้ด้วยถ้อยคำหรือท่าทีรุนแรง แต่กระบวนการคิดและการสื่อถึงคนที่เห็นต่าง มันก็ขัดกับการจะสร้างพรรคให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริงแน่นอน เพราะจะเป็นแค่พรรคของประชาชนที่คิดเหมือนกันและต้องเห็นเหมือนกันเท่านั้น ส่วนใครเห็นต่างก็จะผลักเป็นศัตรูคู่อาฆาตทันที
น่าเสียดายที่แนวร่วมทั้งหลายไม่เว้นแม้แต่ผู้มีสถานะทางสังคม ยังหลงงมงายมองโลกด้านเดียว หรือเพราะต้องการปกปิดสิ่งที่ตัวเองมีส่วนร่วมว่าไม่ได้มีอะไรเสียหาย ทั้ง ๆ ที่ทำไปทำมาปฏิรูปที่อ้างกันช่วงเป่านกหวีด สุดท้ายก็ได้พรรคสืบทอดอำนาจกลับมา แถมพกด้วยบรรดานักการเมืองหน้าเก่าที่เหล่าคนดีทั้งหลายแสดงความจงเกลียดจงชังเข้าไส้
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้วก็มองอย่างเห็นใจ เข้าใจและห่วงใยด้วยเหตุและผล เช่น จาตุรนต์ ฉายแสง ที่ระบุว่า ไม่อยากให้มีการต่อต้านขัดขวางการเดินหาเสียงของสุเทพ หากไม่ชอบก็แค่วางเฉย ถ้าไปต่อต้านกันมาก ก็อาจมีคนสวมรอยวางแผนทำให้เกิดความวุ่นวาย ก็จะสมประโยชน์ของผู้มีอำนาจที่ต้องการจะบอกว่าการเลือกตั้งทำให้เกิดความขัดแย้ง ทั้ง ๆ ที่การเลือกตั้งเป็นวิธีการที่จะแก้ปัญหา
การที่ผู้คนมีความเห็นต่างกันในเรื่องใครควรเป็นรัฐบาลและรัฐบาลควรมีนโยบายอย่างไร ทุกฝ่ายไม่ต้องใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ส่วนการเดินหาเสียงของเทพเทือกที่ไม่ได้รับการต้อนรับสนับสนุนหรือถูกตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์หรือแม้กระทั่งด่าประณามก็มีจากเหตุและปัจจัยที่ต่างกันไป ผู้ที่อยากให้มีการเลือกตั้ง นิยมประชาธิปไตย ยังจำภาพการเดินเชิญชวนคนไปชุมนุมและขอบริจาคเงินไปล้มรัฐบาลและเชิญชวนให้กองทัพทำรัฐประหาร
คนกลุ่มนี้ยังไม่เชื่อว่าสุเทพจะมีความเชื่อถือศรัทธาอะไรต่อการเลือกตั้งและระบอบประชาธิปไตย ทั้งยังจำไม่ลืมว่าสุเทพกับพวกคือต้นเหตุสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยต้องตกอยู่ในสภาพเสียหายยับเยินอย่างที่ผ่านมากว่า 4 ปี ขณะที่ผู้ที่เคยสนับสนุนหรือแม้แต่ศรัทธาคนอย่างสุเทพก็คงผิดหวังต่อลุงกำนันในแง่มุมที่ต่างกันไป
พวกที่ไม่เชื่อถือการเลือกตั้งย่อมไม่เห็นประโยชน์อะไรจากการที่สุเทพจะตั้งพรรคการเมืองเข้ารับการเลือกตั้ง พวกที่นิยมสุเทพเพราะเข้าใจว่าเมื่อเสร็จภารกิจในการล้มรัฐบาลแล้วไปบวชรวมทั้งกล้าประกาศไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอีก แต่กลับมาเป็นผู้นำพรรคตัวจริงย่อมรู้สึกได้ว่าสุเทพไม่รักษาคำพูด พวกที่นิยมพลพรรคตลอดจนกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคต้องมาเห็นสุเทพนำอยู่คนเดียวก็คงไม่พอใจอีก
เป็นมุมมองที่เต็มไปด้วยเหตุและผลไม่ได้เย้ยหยัน แต่สำหรับ ไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ก็โพสต์เฟซบุ๊กมีใจความว่า เมื่อประชาชนปฏิเสธเผด็จการ พรรคการเมืองที่ประกาศหนุนเผด็จการเผชิญวิบากกรรมทั่วหน้า เริ่มจากผู้นำพรรคถูกกระแสสังคมเบือนหน้าหนี กลายเป็นคนล้มละลายด้านความน่าเชื่อถือ จากฮีโร่กลายเป็นซีโร่ ประชาชนไม่หัวซา (อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา)
ประชาชนไม่สะอึ้นสะออน ประชาชนไม่อินังขังขอบ ส่วนคนที่เคยหนุนพรรคก็บอกให้หยุด ก็บอกให้เลิก เพราะคนไม่เชื่อแล้ว ดังปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคของลุงกำนัน ผู้เข้าร่วมพรรคอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กล้ำกลืนฝืนทน ไม่อยากพบหน้าประชาชน และบางคนเริ่มหาทางชิ่งหนี แต่ที่น่าสนใจมากกว่า คือสิ่งที่ไทกรพาดพิงไปถึงพรรคของคสช.อย่างพลังประชารัฐ
โดยไทกรอ้างว่าเป็นพรรคที่จะล้มละลายตามพรรคลุงกำนัน อีกไม่นานกลุ่มสามมิตรก็จะประกาศแยกทาง เรือแป๊ะกำลังจมจริง ๆ หาใช่วาทกรรมโจมตีใส่ร้าย เรือแป๊ะลำนี้ผู้โดยสารเรือไม่ได้มีเพียงกลุ่มทหารที่ร่วมกันยึดอำนาจรัฐ แต่ยังมีนักการเมือง พรรคการเมือง นักวิชาการ นักกฎหมาย นักธุรกิจ สื่อสารมวลชน ฯลฯ ผู้คนเหล่านี้กำลังตะเกียกตะกายออกจากเรือแป๊ะ เป็นภาพที่น่าสังเวชเสียเหลือเกิน จริงหรือไม่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และไม่ใช่เวลาที่ยาวนานเสียด้วย ทุกอย่างน่าจะกระจ่างชัดในเร็ววันนี้