สังคมข่าวหุ้น
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,675.33 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 6 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,675.33 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 6 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 5 หมื่นล้านบาท
* ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ภาวะตลาดหุ้นไทยผันผวนจนทำเอาหลายคนปวดหัว แต่สุดท้าย SET สามารถปิดในแดนบวกด้วยแรงหนุนของหุ้นพลังงานและหุ้นสื่อสารที่รีบาวด์กลับขึ้นมา สำหรับหุ้น PTT ในช่วงนี้หลายคนเอาใจช่วยและร่วมลุ้นเป็นอย่างมาก (ทั้งคนที่มีและไม่มี) เนื่องจากราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวแต่ละช่องมีเอฟเฟกต์โดยตรงต่อ SET ทั้งสิ้น ยังดีที่เมื่อวานยืนปิดบวกเหนือฐานสำคัญระดับ 50 บาท เพราะได้รับปัจจัยบวกสำคัญเข้ามาช่วยหนุนพอดี คือ กรณีการประกาศงบไตรมาส 3 ของ PTTGC ที่ฟันกำไรสุทธิสูงเฉียด 1.3 หมื่นล้านบาท เมื่อบวกกับ PTTEP ที่เคยแจ้งกำไรเติบโตล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เท่ากับการันตีได้ระดับหนึ่งแล้วว่า ไตรมาส 3 ของ PTT จะมีโอกาสเติบโตขึ้น แต่สุดท้ายกำไรจะทำออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหนยังต้องลุ้นกันต่อไปและอีกไม่นานคงรู้คำตอบพร้อมกัน
* หุ้น CHO-SCN วันนี้ได้รับข่าวดีไปเต็ม ๆ โครงการรถเมล์ NGV ที่ดราม่าค้างคามายาวนานจนหลายคนเริ่มจำไม่ได้แล้วว่า กินเวลาผ่านไปกันกี่ปี โดยล่าสุด ขสมก. เปิดเผยว่า ศาลปกครองได้มีคำสั่งเพิกถอนรับคำสั่งรับฟ้องของบริษัท สยาม สแตนดาร์ด เอนเนอจี้ (ผู้ฟ้องคดี) และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ จึงเท่ากับว่า รถเมล์ NGV ที่ค้างคาส่งมอบอีก 389 คัน ของ CHO-SCN จะส่งมอบกันได้แล้ว หากทุกอย่างเป็นไปตามนี้ จะถือเป็นการอัพเกรดพื้นฐานให้กับหุ้น CHO-SCN ครั้งใหญ่แน่นอน
* หุ้น ADVANC ราคาเริ่มสะเด็ดน้ำหลังจากที่ผ่านมาเผชิญแรงถล่มขายออกมาต่อเนื่องหลายวันติด เพราะผิดหวังงบไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าคาดไว้มาก อย่างไรก็ตาม นี่กลายเป็นจังหวะเข้าสะสมหุ้น ถึงแม้โบรกฯ จะคาดงวดไตรมาส 4 ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่ภาพของพื้นฐานระยะยาวกลับมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจอีกครั้ง
* โดยมีสาเหตุมาจากทางบริษัทได้ผ่านกระบวนการประมูลคลื่นความถี่กันเรียบร้อย เมื่อทุกอย่างชัดเจนทำให้จากนี้ไปบริษัทจะโฟกัสมุ่งสร้างการเติบโตหลักจากคลื่นความถี่ที่มีอยู่ในมือ (ไม่ต้องลุ้นใช้เงินประมูลเพิ่ม) ส่วนในเชิงการแข่งขันแม้โอเปอเรเตอร์อีก 2 เจ้า คือ DTAC และTRUE จะรุกหนักพยายามช่วงชิงลูกค้า แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาทาง AIS ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายังคงครองตำแหน่งเบอร์หนึ่งเหนียวแน่นไม่เปลี่ยน และน่าจับตาธุรกิจน้องใหม่อินเทอร์เน็ต Fixed Broadband ที่เติบโตก้าวกระโดดได้ทันเวลาจึงช่วยชดเชยรายได้ฝั่งมือถือที่ชะลอตัวลงแบบพอดี เมื่อบวกกับความสามารถของบริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงระดับ 4% ต่อปี และค่า P/E หุ้นที่ถอยลงเทรดเพียง 17 เท่า จึงทำให้หุ้นหวนกลับมาอยู่ในจุดน่าสนใจและเปิดโอกาสให้เข้าลงทุน
* ปิดท้ายด้วยหุ้นความงาม ในที่สุดได้ประกาศงบออกมาเป็นทางการเสียที ซึ่งหุ้นรายแรก คือ DDD ปรากฏว่า ต่ำกว่าคาดไว้มากโดยงวดไตรมาส 3 พลิกขาดทุนสุทธิ 6 แสนบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากฐานรายได้ที่ลดลงไปเยอะ (โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ) สวนทางกับต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เนื่องจากต้องใช้ลงทุนทั้งงบโฆณาและส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นตลาด ทำให้วันนี้ต้องเลี่ยงหุ้น DDD กันไปก่อนชั่วคราว เพราะคงหนีไม่พ้นแรงขายลดความเสี่ยงที่สาดออกมาในกระดาน ส่วน RS กับ BEAUTY เองมีสิทธิโดนเซนติเมนต์ลบจาก DDD พ่วงไปด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ภาพรวมตลาดจะมอง RS-BEAUTY น่าจะมีกำไรออกมาดีกว่า DDD (ตามที่โบรกฯ คาดการณ์) แต่ด้วยความที่ 3 หุ้นนี้เคลื่อนไหวสอดคล้องกันเสมอ ยามบวกวิ่งขึ้นเหมือนกันและยามลงก็กอดคอดิ่งไปพร้อมหน้าเช่นกัน ถึงได้บอกนักลงทุนมาตลอดว่า จนกว่าประกาศงบอย่าเพิ่งใจร้อนเข้าเก็บหุ้นกันไป เลือกยืนรอให้ลมฟ้าสงบเสียก่อน ย่อมดีกว่าเดินฝ่าฝนไปเสี่ยงเจอพายุลูกใหญ่ในภายหลัง