SONIC ลั่นรายได้ปีนี้แตะ 1 พันลบ. ลุยผนึก “ซีกัลล์ ซัพพลาย เชน” รุกบริการขนส่งข้ามแดน

SONIC ลั่นรายได้ปีนี้แตะ 1 พันลบ. ลุยผนึก “ซีกัลล์ ซัพพลาย เชน” รุกบริการขนส่งข้ามแดนเจาะตลาด CLMV


ดร.สันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2561 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ 860.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 706.20 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 37.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35.19 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2561 บริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการ 311.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 234.40 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 11.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.29 ล้านบาท

สำหรับสาเหตุที่บริษัทฯมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น รวมถึงปริมาณงานทั้งในประเทศ และ ระหว่างประเทศ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้บริการขนส่งทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ส่งผลให้อัตราการเติบโตจากยอดขายและบริการ จาก3 ธุรกิจหลัก 1) ธุรกิจบริการขนส่งทางเรือ ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้น 22.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2) ธุรกิจบริการขนส่งทางบก จากการขยายจำนวนรถที่ให้บริการ และเส้นทางขนส่งแบบข้ามพรมแดน ที่เติบโตเพิ่มขึ้น 8.30 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

และ 3) การเติบโตของธุรกิจการจัดการขนส่งทางอากาศ ที่เติบโตเพิ่มขึ้น 104.41 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจากอัตราการเติบโตดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 20%

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลประจำงวดปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.) ในอัตรา 0.045 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 2.8% เทียบกับราคาปิดวันที่ 13 พฤศจิกายน โดยจะมีการกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 28 พฤศจิกายน และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 27 พฤศจิกายน เพื่อจ่ายปันผลในวันที่ 12 ธันวาคม ที่จะถึงนี้

ดร.สันติสุข กล่าวเพิ่มว่า ล่าสุดบริษัทฯได้เซ็นสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ กับกลุ่มบริษัท ซีกัลล์ ซัพพลาย เชน (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติมาเลเซีย หนึ่งในผู้นำการให้บริการธุรกิจขนส่งสินค้าผ่านชายแดนไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ ทางรถบรรทุก ซึ่งได้มีการเช่าอาคารสถานที่ศูนย์จัดเก็บสินค้า บนพื้นที่ขนาด 2,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับการกระจายสินค้า และการขนส่งข้ามแดนไทย-มาเลเซีย

โดยเบื้องต้น บริษัทฯจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ จากการเช่าพื้นที่ของ บริษัท ซีกัลล์ ซัพพลาย เชน ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ เป็นต้นไป และจะรับรู้รายได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ไตรมาส 1/ 2562

นอกจากความร่วมมือดังกล่าวแล้ว  ยังเป็นการต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อรองรับการขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศ CLMV อาทิ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้อีกด้วย ซึ่งการที่ SONIC มี strategic partner ที่ดีอย่าง กลุ่มบริษัท ซีกัลล์ ซัพพลาย เชน (ไทยแลนด์) จำกัด เข้ามาในครั้งนี้จะเป็นการเสริมทัพทางธุรกิจให้กับบริษัทฯได้เป็นอย่างดี

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายการลงทุน ตามแผนที่บริษัทฯวางไว้ ไม่ว่าจะเป็น 1.ลงทุนเพิ่มจำนวนรถบรรทุกหัวลาก หางลากและรถบรรทุก เพื่อขยายการให้บริการธุรกิจขนส่งทางบกและการขนส่งข้ามชายแดน (Cross-border transport) ให้มีความครอบคลุมกว้างขวางมากยิ่งขึ้น 2. การลงทุนปรับปรุงอาคารและพื้นที่ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าให้มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าและความรวดเร็วในการขนส่งและการให้บริการ

และ 3.การลงทุนซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์ เพื่อดำเนินสาขาแหลมฉบัง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าเช่าในระยะยาว และ ลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยแผนการลงทุนดังกล่าวเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของกลุ่มลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้ารายใหม่ ที่จะเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น และยังเป็นการรองรับการขนส่งด้านโลจิสติกส์ ที่จะขยายไปตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

“ประเทศไทยถือว่าเป็น ฮับด้านโลจิสติกส์ เนื่องจากความได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์ ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทั้งด้านทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมไปถึงมีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทำให้มีอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจสูง ขณะที่ภาครัฐฯ ยังคงการส่งเสริมแผนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับกิจกรรมการขนส่งสินค้า ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ SONIC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจในการให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์ ครบวงจร แบบ One Stop Service จะได้รับอานิงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ” ดร.สันติสุข กล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต แตะระดับ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้จากการให้บริการ 964.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ  47.92 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากการให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล (Sea Freight) ประมาณ 65% รองลงมาธุรกิจการจัดการขนส่งทางบก ภายในประเทศ (Transport) และการจัดการขนส่งสินค้าข้ามแดน (Cross-border Transport) 25% และธุรกิจการจัดการขนส่งระหว่างประเทศทางอากาศ (Air Freight) 10%

Back to top button