JMT พุ่ง 7% รับกำไรไตรมาส 3/61 โตทะลัก 40% ฟากโบรกฯแนะ “ซื้อ” ชูเป้า 17 บ.

JMT พุ่ง 7% รับกำไรไตรมาส 3/61 โตทะลัก 40% ฟากโบรกฯแนะ "ซื้อ" ชูเป้า 17 บ. โดย ณ เวลา 15.59 น. อยู่ที่ระดับ 11.10บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 6.73% สูงสุดที่ระดับ 11.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 110.87 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ล่าสุด ณ เวลา 15.59 น. อยู่ที่ระดับ 11.10บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท หรือ 6.73% สูงสุดที่ระดับ 11.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 110.87 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น JMT ปรับตัวเพิ่มขึ้นภายหลังจากบริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.61 มีกำไรสุทธิ 138.27 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 39.95% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 98.80 ล้านบาท 

ด้าน บล.ทรีนีตี้ (ระบุในบทวิเครราะห์ )  แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17 บาท/หุ้น โดยกำไรไตารมาส 3/61 โตต่อเนื่องไม่มีสะดุด กำไรสุทธิ 3/61 อยู่ที่ 138 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง 15% จากไตรมาสก่อนและ 40% จากปีก่อน

ขณะที่ รายได้จากการเรียกเก็บหนี้จากลูกหนี้ที่รับซื้อเติบโตได้ดี กระแสเงินสดรับเพิ่มขึ้น, รายได้จากการให้บริการติดตามหนี้เติบโตได้ดีเช่นกัน โดยคาดว่าเป็นผลจากอัตราสำเร็จในการทวงหนี้ปรับตัวสูงขึ้นธุรกิจประกันผลประกอบการลดลงเล็กน้อยปี 61 บริษัทตั้งเป้าเงินลงทุนซื้อหนี้ 4.5 พันล้านบาท ซึ่งงวด 9 เดือนใช้ไปแล้วราว 1.84 พันล้านบาทแล้ว และในช่วงปลายปีคาดว่าจะสะสมหนี้เข้ามาได้อีกมากให้ราคาเป้าหมายภายหลังการแตกพาร์ที่ 17 บาท อิงวิธี DCF ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมากไม่สะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง คงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

โดยในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าจะซื้อหนี้เข้ามาบริหาร โดยจะใช้เงินลงทุนราว 4.5 พันล้านบาท โดยในงวด 9 เดือน ใช้เงินซื้อหนี้ไปแล้วราว 1.84 พันล้านบาท และมีโอกาสที่ในช่วงปลายปีจะสามารถลงทุนซื้อหนี้กลับมาได้อีกมาก ภายใต้สมมติฐานการซื้อหนี้ดังกล่าวเราคาดว่าจะทำให้กำไรปี 2561 ของบริษัทเติบโตได้ราว 16%YoY สำหรับกำไรงวด 9 เดือนคิดเป็นราว 80% ของประมาณการทั้งปีแล้ว และมองว่ามีโอกาสที่จะถึงเป้าหมายไม่ยาก

อย่างไรก็ดี ให้ราคาเป้าหมายภายหลังการแตกพาร์ไว้ที่ 17 บาท ซึ่งราคาหุ้นอ่อนตัวลงมามากตามภาวะตลาดและความกังวลต่อผลประกอบการของบริษัททำให้ Upside ปัจจุบันค่อนข้างสูง ในทางกลับกันเรามองแนวโน้มผลประกอบการยังแข็งแกร่ง ทั้งในแง่ของการจัดเก็บหนี้ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง บวกกับโอกาสในการขยายฐานสินเชื่อของบริษัทยังมีต่อเนื่อง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

Back to top button