สังคมข่าวหุ้น
**เป็นการต้อนรับงาน SET In the city 2018 ได้อย่างสวยงามมาก ๆ สำหรับตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ เพราะดัชนีร่วง 13.47 จุด มาปิด 1,638.83 จุด สวนกับทิศทางของตลาดหุ้นเอเชีย และยุโรป ส่วนมูลค่าการซื้อขายยังเบาบาง 44,194 ล้านบาท แถมนักลงทุนต่างชาติ กับนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะกองทุนยังขายแบบ “ตบหน้า” ตลาดหลักทรัพย์ฯ โชว์อีก 1,348 ล้านบาท และ 1,532 ล้านบาท จัดงานชวนให้คนมาลงทุนไป แต่อีกด้านดัชนีก็ร่วงไป เพลินใจดีจริง ๆ
คาเฟอีน
**เป็นการต้อนรับงาน SET In the city 2018 ได้อย่างสวยงามมาก ๆ สำหรับตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ เพราะดัชนีร่วง 13.47 จุด มาปิด 1,638.83 จุด สวนกับทิศทางของตลาดหุ้นเอเชีย และยุโรป ส่วนมูลค่าการซื้อขายยังเบาบาง 44,194 ล้านบาท แถมนักลงทุนต่างชาติ กับนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะกองทุนยังขายแบบ “ตบหน้า” ตลาดหลักทรัพย์ฯ โชว์อีก 1,348 ล้านบาท และ 1,532 ล้านบาท จัดงานชวนให้คนมาลงทุนไป แต่อีกด้านดัชนีก็ร่วงไป เพลินใจดีจริง ๆ
**เท่านั้นยังไม่พอ การขายของต่างชาติและกองทุนยังเป็นการ “หักหน้า” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ไปเปิดงาน SET In the city 2018 หลังจากที่เจ้าตัวบอกว่า ตลาดหุ้นไทยมีสถานะที่แข็งแกร่งมาก ๆ หรือหากเทียบกับในเอเชีย เราเป็นรองแค่ญี่ปุ่น จากผลตอบแทน สภาพคล่อง และการระดมทุนในระดับสูง และตามฟอร์มคือ ให้ภาษาอังกฤษวันละคำ ล่าสุดคือ New S-Curve หรือกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมใหม่ ๆ พร้อมกับให้การบ้านกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปดึงกลุ่มนี้เข้ามาจดทะเบียน
**พูดถึงนโยบายของท่านรองนายกฯ สมคิด ที่ต้องการให้มีธุรกิจเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นกันเยอะ ๆ ยังไงก็ช่วยทำให้กฎเกณฑ์ การพิจารณา ระยะเวลา ไม่ตึงจนเกินไป จนทำให้เป็นอุปสรรค(หรือไม่)ต่อการเข้าตลาดหุ้นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ หรือหากท่านรองนายกฯ อยากจะรู้ว่า ปัญหาอยู่ที่ไหน ว่าง ๆ ก็ลองนัดทานข้าวจับเข่าพูดคุยกับ “รพี สุจริตกุล” เลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันดูนะ ลำพังจะไปไล่บี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ คงไม่ได้หรอก ซึ่งตรงนั้นเขาไม่ค่อยมีอำนาจอะไรซักเท่าไหร่
**ระเฑียร ศรีมงคล ซีอีโอ บัตรกรุงไทย หรือ KTC ฟันธง กำไรไตรมาส 4/61 จะออกมาสวยงามกว่าไตรมาส 3 แน่นอน เพราะเป็นช่วงที่คนจับจ่ายใช้สอยกันเยอะ ส่วนปีหน้า ยังตั้งเป้าหมายแบบอนุรักษนิยมไว้ก่อน ว่ากำไรเพิ่มขึ้น 10% จากปีนี้ ส่วนธุรกิจพิโก และนาโนไฟแนนซ์ จะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2562 ตอนนี้วางแผนและเลือกจังหวัดที่จะเข้าไปทำตลาดไว้แล้ว เริ่มจากในกรุงเทพฯ ก่อนเป็นลำดับแรก
**บลจ.วรรณจ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จากกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.ค.61–30 ก.ย.61 จำนวน 2 กองทุน คือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) หน่วยลงทุนละ 0.20 บาท โดยมีอัตราจ่ายปันผลเฉลี่ย 6.45% ต่อปี เมื่อเทียบกับภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยอินดัสเตรียล 1 (TIF1) หน่วยลงทุนละ 0.136 บาท มีอัตราจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย 6.13% ต่อปี ทั้ง 2 กองทุนปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยเพื่อรับเงินปันผลวันที่ 22 พ.ย.นี้ และจ่ายเงินปันผลวันที่ 7 ธ.ค.นี้
**หุ้นอสังหาริมทรัพย์ เช่น ANAN ORI LPN ราคายังร่วงลงต่อเนื่อง แม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมาดี ซึ่งประเด็นนี้ต้องเจาะเข้าไปดูข้อมูลกันดี ๆ ว่า มีปัจจัยลบอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ เพราะหากมองเส้นกราฟแล้ว ยิ่งบอกชัดเจนว่า หุ้นโดนทิ้งมาตลอดทาง ดังนั้นนักลงทุนท่านใดเล็ง ๆ หุ้นเปล่านี้ไว้ แนะนำว่า เข้าเร็ว ออกเร็ว อย่าห่อกลับบ้าน อันตรายมาก ๆ
**มาที่หุ้น CPALL กันบ้าง หลังจากงบไตรมาส 3 ออกมาสวย และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด จนเชียร์ซื้อกันสนั่นทุ่ง แต่อย่าลืมว่า ต้องมองยาวไปยังไตรมาส 4 และปีหน้า รวมถึงหุ้นแมคโคร สถานการณ์ดีขึ้นจริง ๆ หรือเปล่า และที่มองข้ามไม่ได้คือ นักลงทุนสถาบันต่างชาติ ยังทยอยขายหุ้น CPALL ออกมา ดังนั้น หากราคาหุ้นขึ้นมาอีก ก็เป็นโอกาสให้กองทุนทั้งต่างชาติ และไทยขายออกมาอีก และการที่กองทุนยังขายออกมาแบบนี้ แสดงว่า ยังไม่เห็นทางที่สว่างมากนักสำหรับ CPALL แม้ว่าจะพยายามปรับตัวเพื่อเพิ่มอัตรากำไรก็เหอะ
**หุ้น ADVANC หลังหลุด 180 ลงมา มีแนวรับถัดไปที่ 170/175 บาท หากวันนี้ยืนเหนือราคานี้ได้ ก็มีโอกาสกลับไปที่ 180 บาท แต่นี่เป็นเพียงสัญญาณทางเทคนิคเท่านั้น เพราะต้องไปดูด้วยว่า กองทุนยังทยอยขายออกมาหรือไม่ หรือหากยังขายต่อ ก็มีสิทธิ์หลุดแนวรับได้ตลอด รวมถึงแรงซื้อและขายจาก “บล็อกเทรด” ด้วย