พาราสาวะถี
จะเรียกว่าใช้ชั้นเชิงลีลาเหนือเมฆมันก็ดูเป็นการยกย่องเชิดชูจนเกินจริง เพราะพฤติกรรมที่องคาพยพของคณะเผด็จการได้แสดงออกต่อสังคมในเวลานี้ นับรวมเอาองค์กรอิสระอย่าง กกต.เข้าไปด้วย ใครต่อใครต่างพากันส่ายหน้าเป็นแถว เริ่มจากที่ประธาน กกต. อิทธิพร บุญประคอง ยังมีหน้ามายืนยันคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของ กกต.ในการแบ่งเขตและไร้ใบสั่ง
อรชุน
จะเรียกว่าใช้ชั้นเชิงลีลาเหนือเมฆมันก็ดูเป็นการยกย่องเชิดชูจนเกินจริง เพราะพฤติกรรมที่องคาพยพของคณะเผด็จการได้แสดงออกต่อสังคมในเวลานี้ นับรวมเอาองค์กรอิสระอย่าง กกต.เข้าไปด้วย ใครต่อใครต่างพากันส่ายหน้าเป็นแถว เริ่มจากที่ประธาน กกต. อิทธิพร บุญประคอง ยังมีหน้ามายืนยันคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 16/2561 ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของ กกต.ในการแบ่งเขตและไร้ใบสั่ง
ก่อนที่จะฉายหนังซ้ำอ้างเรื่องความเจ็บป่วยเป็นเหตุให้การประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งล่าช้า ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรอยู่แล้ว แต่ที่เขากังขาคือวาจาของท่านทำไมไม่อยู่กับร่องกับรอย ย้อนกลับไปดูบทสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประธาน กกต. บอกว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งขณะนี้เกือบเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการตรวจสอบขั้นสุดท้ายก่อนที่จะส่งให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ส่วนสาเหตุที่ล่าช้าเนื่องจากตนต้องผ่าตัดดวงตาทั้งสองข้าง ไม่ได้มีเหตุปัจจัยอื่น โดยคาดว่า 1-2 วันคงส่งให้ประกาศได้ แต่กลายเป็นว่าสองวันหลังจากนั้น กลับมีคำสั่งหัวหน้าคณะเผด็จการฉบับดังกล่าวออกมา และคำอธิบายของประธาน กกต.ยิ่งไร้ความน่าเชื่อถือไปในทันที เมื่อได้ฟังคำชี้แจงของรองเลขาธิการ กกต. อย่าง ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล คนที่ปูดข้อมูลการเตรียมโกงเลือกตั้งอย่างถึงพริกถึงขิง
โดยรองเลขาธิการ กกต.รายนี้อ้างว่า กกต.มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย คำสั่ง คสช.ที่ 16/2561 หรือมาตรา 44 เป็นกฎหมายฉบับหนึ่ง ออกมาเพื่อให้ทุกฝ่ายได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างรอบด้าน ที่ผ่านมา กกต.ได้พิจารณาประเด็นคำร้องมาอย่างต่อเนื่องมีประมาณ 26 เรื่อง ด้วยเวลาที่จำกัดอาจทำให้พิจารณาไม่ครอบคลุมจึงจำเป็นต้องมีคำสั่งดังกล่าวออกมา
ฟังดูเหมือนจะดี แต่พอประโยคต่อมาบอกว่า เขตเลือกตั้งจะเป็นที่พึงพอใจหรือไม่ หรือจะกระทบใครเป็นเรื่องที่ กกต.ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึง ถ้ารอฟังทุกฝ่ายก็ไม่จบ ในเวทีของการแบ่งเขตมีคนได้และมีคนเสีย กกต.ต้องทำตามกฎหมาย คงไม่มีใครยอมเอาตัวไปเสี่ยงเพื่อการเอาใจคนใดคนหนึ่ง หรือเอาตัวไปเสี่ยงกับการทำผิดกฎหมาย
ในเมื่อไม่ต้องรอฟังทุกฝ่าย แล้วทำไมจะต้องขยายเวลาในการเปิดรับฟังความคิดเห็น ยิ่งฟังยิ่งย้อนแย้งกันไปใหญ่ ยิ่งน่าสงสัยหนักข้อเข้าไปอีกกับคำพูดประธาน กกต.ที่การันตีอย่างหนักแน่นขนาดที่ว่าอีก 2-3 วันจะส่งการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ แต่คล้อยหลังกลับมีประกาศหัวหน้าคณะเผด็จการออกมาเช่นนี้ มันจะไม่ให้คนเชื่อว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังได้อย่างไร
ส่วนการออกมาอธิบายของ วิษณุ เครืองาม ก็ตามประสาเนติบริกร ยกแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยายสารพัด ก่อนจะตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า คำสั่งที่ออกมาเพื่อการันตีให้ กกต.มีความมั่นใจว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะไม่เป็นโมฆะเหมือนคราวเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แค่ตรรกะที่ยกมาประกอบก็ผิดเพี้ยนแล้ว เพราะเหตุและปัจจัยต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เช่นเดียวกันกับทางสำนักงานเลขาธิการ คสช. ที่มี พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ทำหน้าที่เลขาธิการ ส่งโฆษก คสช.ออกมาชี้แจงว่า คำสั่งที่ 16/2561 ไม่กระทบต่อโรดแมปเลือกตั้งแน่นอน โถ ! พ่อคุณเรื่องนั้นคนเขารู้กันมาตั้งนานแล้วและไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร เพราะเมื่อกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้แล้ว อย่างไรเสีย ก็ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน
เว้นเสียแต่จะใช้มาตรายาวิเศษอีกกระทอก สั่งให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปนั่นก็อีกเรื่อง เรียกได้ว่า ฟังเครือข่ายของเผด็จการอธิบายต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว เหมือนกับถามไปไหนมาได้คำตอบสามวาสองศอก บอกแล้วเรื่องตีมึน ไม่แยแสต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ คือคุณสมบัติอันพิเศษของเผด็จการทุกยุคทุกสมัยและทุกประเทศในโลก
ขณะที่ข้อสังเกตเรื่องคำสั่งเผด็จการกับการแบ่งเขตเพื่อเอื้อประโยชน์บางพรรคการเมืองนั้น คำอธิบายของวิษณุก็ถูลู่ถูกังกันไปตามสไตล์ แต่ในส่วนของพรรคการเมืองอื่นไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น อาทิ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่ ภักดิหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกพรรคระบุ แกนนำพลังประชารัฐยอมรับความได้เปรียบการเลือกตั้งเพราะรัฐธรรมนูญเขียนเนื้อหาที่เอื้อประโยชน์ให้ ถือว่าไม่มีความยุติธรรมกับพรรคอื่น เหมือนรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่พรรคอื่นไม่รู้
มุมของภักดีหาญส์ก็อย่างที่อรชุนบอกไปวันวาน เรื่องการแบ่งเขตที่พรรคของ คสช.ระบุได้ตัวว่า ที่ผู้สมัคร ส.ส.แล้ว เหมือนรู้ว่าเขตเลือกตั้งจะออกมาแบบไหน ขณะที่บางพรรคยังทำไม่ได้ เพราะยังมีปัญหาความไม่ชัดเจนต่อการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ แบบนี้ถือว่าไม่แฟร์กับพรรคอื่น ก็ กกต.รับฟังความเห็นเรื่องแบ่งเขตบอกว่ามี 3 แบบ แต่ตอนนี้กลับจะมีแบบที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ออกมา และค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่าจะเป็นเช่นนั้นจากคำสั่งของหัวหน้า คสช.ที่ 16/2516
น่าสนใจเข้าไปอีกกับข้อมูลของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ปูดประเด็นมีคนมาต่อรองกับอดีต ส.ส. พยายามเอาแบ่งเขตมาจูงใจ ด้วยการกล้าประกาศว่าถ้าไปอยู่พรรคนั้นก็จะแบ่งเขตเลือกตั้งให้แบบนี้ ถ้าไม่อยู่ก็จะแบ่งเขตให้อีกแบบหนึ่ง นี่คือคำถามทำไมถึงกล้าประกาศกันขนาดนั้น หากไม่มีขบวนการเข้าไปแทรกแซงการแบ่งเขตของ กกต.จะมีคนนำไปเป็นเครื่องต่อรองสร้างพลังดูดเช่นนั้นหรือ
จะว่าไปแล้วเรื่องแบบนี้คนที่กุมความได้เปรียบทุกประตูไม่ควรจะต้องทำให้สังคมเกิดความกังขาและถ้าเป็นจริงยิ่งจะสะเทือนถึงศรัทธาที่อยู่ในภาวะเสื่อมทรุด เพราะความจริงคณะเผด็จการก็มีความได้เปรียบในเรื่องอื่น ๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการหลบเลี่ยงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในหลายเรื่อง ๆ ถ้าทำอย่างนี้ต่อไปที่เสียหายก็คือประเทศชาติ แต่ก็อีกนั่นแหละเผด็จการไม่เคยสนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว
เหมือนที่ สุริชัย หวันแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาฯ เตือนรัฐบาลด้วยถ้อยคำที่ว่าตั้งใจดีแต่ไม่รู้ตัวจนกลายเป็นคู่ขัดแย้ง เช่น ไปมีส่วนได้ส่วนเสียในการเลือกตั้ง เรื่องพรรค์นี้จะบอกว่าไม่รู้ตัวไม่ได้ เพราะสิ่งที่ทำกันตั้งแต่วันที่ยึดอำนาจมาจนถึงนาทีนี้ แสดงถึงการตื่นรู้ทุกขณะจิต อำนาจทำให้คนเปลี่ยนและยิ่งเป็นคนที่เหลิงอำนาจด้วยแล้ว ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สืบทอดอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงว่าผลที่จะตามมาในอนาคตนั้นจะเป็นอย่างไร