สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 21 พ.ย. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปี อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดตลาดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงาน หลังจากหุ้นทั้งสองกลุ่มร่วงลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,464.69 จุด ลดลง 0.95 จุด หรือ -0.00% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,649.93 จุด เพิ่มขึ้น 8.04 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,972.25 จุด เพิ่มขึ้น 63.43 จุด หรือ +0.92%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางกลุ่มระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากมีรายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) คว่ำร่างงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 352.81 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,244.17 จุด เพิ่มขึ้น 177.76 จุด หรือ +1.61% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,975.50 จุด เพิ่มขึ้น 50.61 จุด หรือ +1.03% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,050.23 จุด เพิ่มขึ้น 102.31 จุด หรือ +1.47%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาสถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ในวันอาทิตย์นี้

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,050.23 จุด เพิ่มขึ้น 102.31 จุด หรือ +1.47%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะลงมติปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม แรงบวกของสัญญาน้ำมันดิบได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 2.25% ปิดที่ 54.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 63.48 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำ นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้า รวมทั้งความไม่แน่นอนในกรณีที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.80 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 1,228.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 23.3 เซนต์ หรือ 1.63% ปิดที่ 14.502 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ 850.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.10 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,133.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 1 ปี และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 เดือน

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9944 ฟรังก์ จากระดับ 0.9949 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3254 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3314 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.07 เยน จากระดับ 112.72 เยน

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1388 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1367 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ  1.2780 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2784 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7264 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7218 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button