IVL ดีด 3% ผบห.แย้มผลงาน Q4 โตต่อ คาดปี 63 ชิงส่วนแบ่งตลาดผลิตPTA-PETขึ้นเบอร์หนึ่งของโลก
IVL ดีด 3% ผบห.แย้มผลงานไตรมาส 4 โตต่อ คาดปี 63 ชิงส่วนแบ่งตลาดผลิต PTA-PET ขึ้นเบอร์หนึ่งของโลก ล่าสุด ณ เวลา 15.58 น. อยู่ที่ 53.50 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 3.38% สูงสุดที่ 53.75 บาท ต่ำสุดที่ 51.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 536.73 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ล่าสุด ณ เวลา 15.58 น. อยู่ที่ 53.50 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 3.38% สูงสุดที่ 53.75 บาท ต่ำสุดที่ 51.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 536.73 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น IVL ปรับตัวขึ้น หลังคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/61 ดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/60 แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (สเปรด)อ่อนตัวลง แต่มีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามา ส่วนโรงงาน PTA-PET ในสหรัฐฯคาดว่าจะเริ่มการผลิตภายในปี 63 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 25% สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของตลาดโลก
โดย นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Feedstock และ PET บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า บริษัทยังคงคาดว่ากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 62 จะเติบโตมาที่ 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากบริษัทขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจยังส่งผลบวกต่อเนื่องทำให้ความต้องการเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทเน้นสินค้ากลุ่ม HVA ที่เป็นสินค้ามูลค่าสูงและให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงถึง 20% โดยมีสัดส่วน 40% ของรายได้ ทั้งนี้ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง(สิ้นสุด ก.ย.61) บริษัทมี EBITDA ที่ 1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่โรงงาน PTA-PET ในสหรัฐฯคาดว่าจะเริ่มการผลิตภายในปี 63 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 25% สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของตลาดโลก
นอกจากนี้บริษัทได้วางงบลงทุนในปี 62 ที่ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไม่รวมดีลซื้อกิจการ (M&A) โดยบริษัทให้ความสำคัญกับตลาดสหรัฐที่บริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอ และมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ 0.53 เท่า
ทั้งนี้บริษัทเดินหน้าเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทเข้าซื้อกิจการในประเทศบราซิลและอียิปต์ ทำให้ IVL มีกำลังการผลิตของโรงงาน PTA เพิ่มขึ้นจำนวน 1.1 ล้านตัน นอกจากนี้ บริษัทยังเพิ่มความแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA จากการเข้าซื้อกิจการบริษัท Kordarna ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และ บริษัท Avgol ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ส่งผลต่อกำไรในปี 62 ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทมีการดำเนินงานกระจายตัวใน 30 ประเทศทั่วโลก รองรับตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ และยังคงสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมีเสถียรภาพ
สำหรับไตรมาส 4/61 คาดว่าผลการดำเนินงานดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/60 แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (สเปรด) อ่อนตัวลง แต่มีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามา ทั้งนี้บริษัทแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เพราะบริษัทมีโรงงานผลิตในแต่ละประเทศอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทการค้าดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากกรณีที่เศรษฐกิจจีนจะรับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว โดยตรง