Daily Focus – บล.เออีซี
AECS Daily Focus Trading Idea: TPIPP Market Outlook วัน …
AECS Daily Focus
Trading Idea: TPIPP
Market Outlook
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET Index ปิดที่ 1,622.10 จุด +17.70 จุด (+1.1%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.7 หมื่น ลบ. โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 575.34 ลบ. วันนี้เราคาด SET Index รีบาวด์ต่อจากเมื่อวันศุกร์ โดยมีแนวต้าน 1,640 จุด และแนวรับ 1,600 จุดที่เดิม แต่อาจถูกแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานและต่างชาติที่ยังคงเทขายต่อเนื่อง
Market Factors
(Watch) ล่าสุดร่างกฏหมาย BREXIT จะได้รับการรับรองจากผู้นำของกลุ่ม EU แล้ว ในช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่คาดนางเทเรซ่า เมย์ จะต้องเผชิญความท้าทายในการผลักดันร่างกฏหมายดังกล่าวให้ผ่านสภาฯ ภายในช่วงปลายปี เพื่อให้อังกฤษสามารถออกจากกลุ่ม EU แบบ Soft BREXIT
(-) ราคาน้ำมันดิบปรับลงแรงอีกครั้ง หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุฯ เปิดเผยถึงกำลังการผลิตน้ำมันดิบเดือน พ.ย. มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ และรัสเซียยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สร้างความกังวลต่อภาวะอุปทานที่จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าความต้องการใช้พลังงานโลก
(+/-) รมว.คลังฯ เปิดเผยว่ามาตรการช็อปช่วยชาติอยู่ระหว่างหาข้อสรุปในรายละเอียดจะจำกัดประเภทสินค้าให้เฉพาะเจาะจง เช่น ยางรถยนต์ เพื่อสนับสนุนการใช้ยางพาราภายในประเทศช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง หนังสือซึ่งรวมถึงอีบุ๊คเพื่อส่งเสริมการอ่านและสินค้าทีเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน เป็นต้น โดยมีวงเงินรวมกันไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท และจะกำหนดระยะเวลาที่มาตรการจะมีผลบังคับใช้ราว 1 เดือน ซึ่งอาจจะเป็นช่วง 16 ธค.61-15ม.ค.62 ซึ่งจะเสนอให้ครม.เห็นชอบภายใน 2 สัปดาห์นี้ (ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ)
Investment Strategy
สัปดาห์นี้คาด SET Index ยังได้รับแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังขายต่อเนื่อง ซึ่งมีหลายปัจจัยจากต่างประเทศต้องติดตาม (การประชุม G20, ถ้อยแถลงของประธานเฟด, ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง) บวกกับความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยของธปท.ซึ่งมีผลต่อต้นทุนธุรกิจที่สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เรามองว่า Downside Risk ค่อนข้างจำกัด เพราะ Valuation ของตลาดไม่แพงโดยปัจจุบัน SET Index ซื้อขายที่ P/E 15.3x
โดยเราประเมินแนวรับ-แนวต้าน ไว้ที่ 1,587-1,640 จุด (Fwd PE ที่ 14.7x-15.2x) ดังนั้นในช่วงที่ตลาดยังมีปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศ เราแนะนำหุ้น 4 กลุ่มที่น่าสนใจ ดังนี้ 1) หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกและกลุ่มโรงแรมซึ่งโครงสร้างธุรกิจมีกระแสเงินสดแข็งแรง ได้แก่ SSP (S7.5,R7.9), BPP (S23.4,R24), GUNKUL(S3.00,R3.18), CENTEL (S39.5,R42)
2) หุ้นกลุ่มหนี้สินต่อทุนต่ำคาดได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยน้อย คือ TPIPP(S5.95,R6.30), HANA(S33,R35),3) บริษัทที่ Fixed Coupon Rate และมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวสูง ได้แก่ KTC(S33,R35), MTC(S46.5,R51), SAWAD(S43.25,R48) และ 4) หุ้นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับลงแรง แต่มีโอกาสฟื้นตัวเร็วจากกำไรปี 62 ที่แข็งแกร่ง BJC(S50,R53), BGRIM (S25,R26.5), MEGA(S30,R32.5)
*** (S,R) = (Support, Resistance) ใน 1 สัปดาห์ ***
Fundamental Report
SAWAD (BUY: TP@61) ช่วง 3Q61 กำไรสุทธิโต 26.2%QoQ หนุนด้วยพอร์ตสินเชื่อที่โตดี และ NIM ที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ช่วง 4Q61 เราคาดกำไรยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่องจากการปรับนโยบายการตั้งสำรองของ BFIT ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองลงมาก เราจึงคาดปี 61 จะมีกำไรโต 2.8%YoY ก่อนจะกลับมาโตเด่น 32.1%YoY ในปี 62 + Upside 31.2% จึงแนะนำ “ซื้อ”
Market Talk
JMT (BUY: [email protected] ): Consensus คาดกำไรปี 61 โต 24%YoY หนุนด้วยพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ประมาณ 1.4 แสน ลบ. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกัน อาทิ หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้สินเชื่อบัตรเครดิต นอกจากนี้เดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่องทั้งมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ขณะที่ภายใน 5 ปีจากนี้ บริษัทวางเป้าหมายมีพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรวมแตะ 2 แสน ลบ.+ Upside 13.8% จึงแนะนำ “ซื้อ”
MACO (BUY:[email protected]): เม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้านช่วง 10M61 โต 9.3%YTD คาดหนุน Utilization Rate ของ MACO สูงขึ้น อีกทั้งมีปัจจัยบวกจากการรวมงบ Trans. Ad และ Roctec เข้ามาในงบรวม และล่าสุดที่ประชุมกรรมการอนุมัติให้บริษัทย่อยซื้อหุ้น GSG 100% (มูลค่ารวม 240 ลบ.) และเตรียมงบลงทุน 390 ลบ. ปรับปรุงสื่อ Street Furniture บริเวณเสาตอม่อรถไฟฟ้า BTS จากภาพนิ่งเป็นสื่อดิจิตอล LEF จำนวน 42 จอ และ Light Box จำนวน 180 ป้าย