ด่านแรก 1,650 จุด
* ภายหลังจากดัชนีทะยานขึ้น 4 วันติด (วานนี้ลง 1 วัน) พร้อมกับปรากฏแรงซื้อจากกองทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนโฉมไปอย่างมีนัยสำคัญ จนกูรูทางด้านสายเทคนิคลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ดัชนีกำลังพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,650 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดที่ย้ำให้เห็นว่า นักเล่นต้องตามกระแสอย่างใกล้ชิดนะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
* ภายหลังจากดัชนีทะยานขึ้น 4 วันติด (วานนี้ลง 1 วัน) พร้อมกับปรากฏแรงซื้อจากกองทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนโฉมไปอย่างมีนัยสำคัญ จนกูรูทางด้านสายเทคนิคลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ดัชนีกำลังพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,650 จุดอีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดที่ย้ำให้เห็นว่า นักเล่นต้องตามกระแสอย่างใกล้ชิดนะจะบอกให้
* เนื่องจากรอบก่อนเส้น 25 วันขวางตรงบริเวณ 1,680 จุด ขณะที่เที่ยวนี้เส้นแนวต้านข้างต้นลาดเอียงลงมาขวางแถว 1,650 จุด เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้ดัชนีวิ่งขึ้นไปสร้างฐานใหม่ได้ง่ายขึ้น “โมนิก้า” ถึงไม่รู้สึกวอรี่กับรายการ take profit ระหว่างทางขาขึ้น เพราะทุกคนรู้อยู่เต็มอกตูม ๆ นี่คือจังหวะต้องเล่น! ส่งผลให้การอ่อนตัวลงมายืนที่ 1,636.49 จุด ลบไป 4.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.65 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นจุดของการเก็บหุ้นไงละคะ
* ยิ่งมีประเด็นเกี่ยวกับการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่ส่งผลดีกับตลาดหุ้นไทยในระยะยาว และทำให้หุ้นกลุ่มบลูชิพกลับมามีเสน่ห์โดนใจอีกรอบ ซึ่งเที่ยวนี้จะเป็นการไล่ราคาหุ้นแบบวนลูป เดี๊ยนถึงพยายามให้เหล่าผู้กล้ามองหุ้นผ่านไปทีละช็อต เพื่อทำให้เห็นภาพของหุ้นแต่ละตัวชัดเจนขึ้นกว่าเดิม หลังหุ้นบางตัวยังมีแก๊ปให้วิ่งอีกเพียบน่ะซี
* เรื่องดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลียวหลังมามอง MTC เพื่อชี้ให้เห็นการทะยานขึ้นมาปิดที่ 50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.31 พันล้านบาท ล้วนเป็นผลจากผลงานเข้าตากรรมการมาหลายครั้ง จนถูกดึงขึ้นไปอยู่ในการคำนวณ MSCI Global Standard อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันนี้ เดี๊ยนถึงมั่นใจเหลือเกินว่า หุ้นจะแรลลี่ยาวนะจะบอกให้
* เช่นเดียวกับในรายของ GULF ก็อยู่ในรายชื่อหุ้นได้รับการคำนวณเหมือนกัน นักลงทุนสถาบันจะกระโจนใส่เป็นระยะในช่วงที่ผ่านมา “โมนิก้า” ถึงชอบพูดถึงเมื่อมีข่าวสำคัญเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะของมันเห็นแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า ราคาหุ้นยังมีแก๊ปให้วิ่งอีกบานตะไท วันนี้ถึงต้องเดินหน้าลุยอีกครั้ง หลังหุ้นย่ำอยู่ที่ 76 บาท ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 830 ล้านบาทนะตัวเอง
* คล้ายกับกรณีของ SAWAD พอผ่านช่วงมรสุมถาโถมเข้าใส่แบบไม่ยั้งมาได้ ทุกอย่างก็คืนสภาพกลับมาเหมือนเดิม แถมเที่ยวนี้มีแรงซื้อไหลเข้ามาไม่ขาดสายเสียด้วย หุ้นถึงขึ้นมายืนปิดที่ 49.75 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 783 ล้านบาทแบบชิว ๆ วันนี้ถึงต้องเอาใจช่วยให้หุ้นวิ่งขึ้นไปสร้างฐานเหนือระดับราคา 55 บาท เพื่อกรุยทางให้หุ้นขยับขึ้นไปถึง 60 บาทอีกครั้งไงละคะ
* ส่วนรายที่มีวงรอบชัดแจ่มแจ๋วอย่าง AOT เคลื่อนตัวในรูปแบบ W-Shape ในกรอบราคา 60-66 บาทเป็นเวลาเกือบ 5 เดือน น่าจะเป็นตัวแปรที่ย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า การที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 64.75 บาท บวกไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 896 ล้านบาท ควรทำตัวแบบไหนถึงจะอยู่รอดปลอดภัย โดยเฉพาะในสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยพลิกผันได้ตลอดเวลานะคะ
* สอดคล้องกับการเข้าซื้อหุ้น BGRIM ในจังหวะเด้งกลับจากฐานแนวรับ 25 บาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ต้องตามน้ำในทันที เพราะเมื่อมองยอดแรกบริเวณ 29 บาท เทียบกับราคาปิดวานนี้ที่ระดับ 27.25 บาท บวกไป 0.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 185 ล้านบาท ผสมกับราคาเป้าหมายที่กูรูให้ไว้บริเวณ 39 บาท มันมีแก๊ปให้เล่นอีกบานตะไทเลยนะเนี่ย! งานนี้ถึงต้องลุยโลดนะจะบอกให้
* ส่วนคนที่ชอบเล่นอะไรเสียว ๆ แถมเร้าใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “โมนิก้า” คงหันมามอง SPALI แบบไม่รีรออะไรทั้งสิ้น เพราะหุ้นเพิ่งผงกหัวได้ไม่กี่วัน หลังจากโดนเทขายเป็นแรมเดือน มันเป็นช็อตที่ซื้อเพื่อลุ้นให้เด้งสั้น ๆ จึงมองราคาปิดที่ 20.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 78 ล้านบาท น่าจะเป็นช็อตที่ทำให้เลือดลมในร่างกายสูบฉีดแรงขึ้นกว่าปกติ เพราะโอกาสของการได้ “กำไร” กับ “ขาดทุน” ก้ำกึ่งกันเหลือเกิน…อิอิอิ
* สำหรับรายที่ป้อแป้สุด ๆ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ KCE โดนรินเทขายออกมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายลงไปยืนอยู่ที่ 27.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 5.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 191 ล้านบาท มันทำให้เชื่อว่า หุ้นจะลงมายืนที่บริเวณ 25 บาทอีกครั้ง เดี๊ยนถึงอยากให้สายย่อใจเย็น ๆ รอจังหวะงาม ๆ แล้วค่อยช้อนหุ้นก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหน ? งานนี้บอกได้แค่ว่า โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
* คล้ายกับกรณีของหุ้นน้องใหม่ SISB โดนถล่มเทขายอย่างหนักหน่วง ทั้งที่แผนเบ่งกำไรยังเดินไปได้เรื่อย ๆ บวกกับปีหน้าก็แบเบอร์ให้เห็นว่า โตเท่าตัว! “โมนิก้า” ถึงมองเป็นโอกาสทองของคนที่มีเงินเย็นทยอยเก็บไว้ในพอร์ต หลังราคาหุ้นเซถลาลงมายืนอยู่ที่ 4.36 บาท ลบไป 0.84 บาท หรือลงไป 16.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 880 ล้านบาท น่าจะเป็นเคสที่ผิดธรรมชาติไปเยอะเลยทีเดียว และเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟเองแหละ..อิอิอิ