สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 6 ธ.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า ข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจบานปลาย หลังจากทางการแคนาดาได้จับกุมตัวผู้บริหารของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ตามคำเรียกร้องของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลซึ่งระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,947.67 จุด ลดลง 79.40 จุด หรือ -0.32% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,695.95 จุด ลดลง 4.11 จุด หรือ -0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,188.26 จุด เพิ่มขึ้น 29.83 จุด หรือ +0.42%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจบานปลาย หลังจากทางการแคนาดาได้จับกุมตัวผู้บริหารของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน ตามคำเรียกร้องของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างหนัก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดร่วงลง 3.1% แตะที่ระดับ 343.31 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,704.05 จุด ลดลง 217.79 จุด หรือ -3.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,810.98 จุด ลดลง 389.26 จุด หรือ -3.48% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,780.46 จุด ลดลง 163.90 จุด หรือ -3.31%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) โดยได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิ่งลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากผลการประชุมของกลุ่มโอเปกเมื่อวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลว่า ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจบานปลาย หลังจากทางการแคนาดาได้จับกุมตัวผู้บริหารของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ตามคำเรียกร้องของสหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,704.05 จุด ลดลง 217.79 จุด หรือ -3.15%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังหลังจากผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เมื่อวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน โดยโอเปกต้องรอจนกว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงกับรัสเซียในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 51.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ดิ่งลง 1.50 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 60.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 1243.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 7.3 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 14.509 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 12.4 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 789.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ดิ่งลง 42.50 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 1141.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) หลังจากข้อมูลที่มีการเปิดเผยล่าสุดบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่ร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปี นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.64 เยน จากระดับ 113.19 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9931 ฟรังก์ จากระดับ 0.9978 ฟรังก์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3392 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3384 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1374 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1340 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2776 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2736 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7222 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7264 ดอลลาร์