NPPG เก็งกำไรยาว! 2 เดือนหุ้นพุ่ง 75% เตือนระวังแรงเทขาย-ธุรกิจขาดทุนต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPPG ณ เวลา 11.18 น. อยู่ที่ระดับ 1.43 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 10.85% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 107.21 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 0.81 บาท เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2561 จนถึงล่าสุดหุ้นปรับตัวขึ้นแล้ว 76.54%

อย่างไรก็ตามนักลงทุนระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากธุรกิจบริษัทยังมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน

อนึ่งก่อนหน้านี้ นายธนากร บุญกลาง นักลงทุนสัมพันธ์ NPPG เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทยังมองหาโอกาสขยายธุรกิจอาหารไปยังแบรนด์ใหม่เพิ่มเติม เพื่อสร้างโอกาสให้กับธุรกิจ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อกิจการธุรกิจร้านอาหาร 2-3 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2562

ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้เติบโตต่อเนื่องจากปี 2560 ที่มีรายได้จำนวน 1,199.60 ล้านบาท โดยธุรกิจอาหารและธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ ยังมีการขยายตัวในทิศทางที่ดี ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอาหาร 49% และธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ 51%

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าภาพรวมทั้งปี 2561 ยังคงมีผลขาดทุนจากปี 2560 ขาดทุนอยู่ที่ระดับ 367 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาสนับสนุนธุรกิจ หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้ปิดสาขาทั้งหมดของร้านมิสเตอร์โจนส์ ส่วนร้านอาหารและเครื่องดื่ม Dean & Deluca อยู่ระหว่างเตรียมแผนคาดว่ามีความชัดเจนปี 2562 ซึ่งปัจจุบันมีสาขาร้านอาหารมิยาบิ กริลล์ จำนวน 3 สาขา ส่วนร้านอาหาร A&W อยู่ที่ 37 สาขา

ด้านนายธวัช วรรธนพิเชษฐ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นพีพี ฟู้ด อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NPPG เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปี 2561 ตั้งเป้าจะมีรายได้เติบโต 20% จากฐานปี 2560 เนื่องจากร้านอาหาร A&W มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 80-90% ของรายได้บริษัท และคาดว่าอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ A&W จะอยู่ที่ระดับ 5%

โดยในปี 2561 บริษัทมีแผนขยายสาขาร้านอาหาร A&W จำนวน 10-15 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีจะมีจำนวน 45 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่จำนวน 37 สาขา แบ่งเป็น สาขารูปแบบผลิตภัณฑ์ครบวงจร (Full Restaurant) มี 31 สาขา ส่วนมากจะให้บริการตามสถานีบริการน้ำมัน และห้างสรรพสินค้าทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด รวมถึงรูปแบบบริการอาหารเร่งด่วน (Express)  มีจำนวน 6 สาขา โดยจะให้บริการในห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพมหานคร และ Metro Mall

ทั้งนี้ บริษัทกำหนดงบลงทุนในการขยายสาขา ได้แก่ งบลงทุนขยายสาขารูปแบบผลิตภัณฑ์ครบวงจร (Full Restaurant) ประมาณ 4.5-6 ล้านบาทต่อสาขา ส่วนงบลงทุนขยายสาขารูปแบบบริการอาหารเร่งด่วน (Express) อยู่ที่ประมาณ 1.50-2.50 ล้านบาท โดยสาขาแบบ A&W Express มีพื้นที่บริการกะทัดรัดเหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มุ่งเน้นการแวะซื้อสินค้าและเดินทางต่อ จึงใช้เงินลงทุนอย่างสมเหตุสมผล และคาดว่าสาขา A&W Express จะได้รับความสนใจ สามารถสร้าง Brand awareness ได้ จนเกิดพฤติกรรมการซื้อซ้ำ และคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 2-3 ปี