GUNKUL ตั้งเป้ารายได้ปี62 โต25% หลังรับรู้รายได้โซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นเต็มปี-COD เพิ่ม 105MW
GUNKUL ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าแตะ 7.5 พันลบ. หลังรับรู้รายได้โซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นเต็มปี-COD เพิ่ม 105 MW พร้อมเข้าประมูลงานก่อสร้างใหม่ มูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นลบ. เผยอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรเวียดนามลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลม-แสงอาทิตย์ กำลังผลิตรวม 450 MW คาดชัดเจนไตรมาส 1/62
นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 จะขึ้นแตะระดับ 7,500 ล้านบาท หรือเติบโต 25% จากปีนี้ ที่คาดว่าจะมีรายได้ 6,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เซนได โอคุระ ขนาดติดตั้ง 38.1 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์คิมิตสึ มีกำลังการผลิตติดตั้ง 40.41 เมกะวัตต์ เมืองคิมิตสึ เฟสแรกเข้ามารับรู้รายได้เต็มปี นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจซื้อมาขายไป และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
โดยสัดส่วนรายได้ในปี 62 จะมาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 3,750 ล้านบาท และในส่วนที่เหลือ 3,750 ล้านบาท จะมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและธุรกิจซื้อมาขายไป จากปี 61 นี้จะมาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า 2,600-2,700 ล้านบาท รับเหมาก่อสร้าง 2,000 และธุรกิจซื้อมาขายไปที่ราว 1,200-1,300 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าปี 62 จะมีการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มอีก 105 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการ เมืองคิมิตสึ กำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ ในวันที่ 1 ก.พ. 62 และในช่วงไตรมาส 1/62- ไตรมาส 2/62 ในโครงการ CPF Solar Rooftop กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ และโครงการสุดท้ายคือโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศมาเลเซีย ที่มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 35 เมกะวัตต์ จะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ช่วงปลายปี 62 โดยสิ้นปีนี้สิ้นปี 61 นี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 401 เมกะวัตต์
ส่วนของธุรกิจก่อสร้าง ปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ราว 800 ล้านบาท โดยจะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 300 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะไปรับรู้ในปี 62 ทั้งหมด และมีแผนที่จะเข้าประมูลงานใหม่ราว 33,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการนำสายไฟฟ้าลงดินของการไฟฟ้านครหลวง มูลค่า 11,000 ล้านบาท โครงการนำสายไฟฟ้าลงดินของการไฟฟ้าภูมิภาค ในจังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี นครราชสีมา มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท และโครงการติดตั้งสถานีไฟฟ้าย่อย 40 แห่ง ขนาด 115-230 กิกะวัตต์ มูลค่า 11,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้งานไม่ต่ำกว่า 10% ของมูลค่างานทั้งหมด
ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในประเทศเวียดนาม เพื่อที่จะลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 450 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพลังงานลม 300 เมกะวัตต์ และ พลังงานแสงอาทิตย์ 150 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/62
ขณะที่งบลงทุนสำหรับปี 62-64 บริษัทตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เพื่อที่จะรองรับการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า ในประเทศญี่ปุ่น ราว 15,000 ล้านบาท และอีก 5,000 ล้านบาท จะลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าในมาเลเซีย และอื่นๆเพิ่มเติม
โดยกระทรวงพลังงานยังอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (พีดีพี 2018) ในภูมิภาค ที่จะออกมาสนับสนุนการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) ในภาคธุรกิจและครัวเรือน จะส่งผลให้ความต้องการใช้โซลาร์รูฟท็อปเพิ่มมากขึ้นทั้งในตลาดประเทศไทย และเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งจะเป็นอีกตลาดหนึ่งที่ทางบริษัทเข้าไปมีการรุกตลาดมากขึ้น