ปีนี้ไม่น่าไว้ใจปลอดภัยไว้ก่อน
“ปีนี้ยังเป็นปีแห่งความไม่น่าไว้วางใจ” หนึ่งประโยคสำคัญในการตัดสินใจก่อนลงทุนของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนมือหนึ่งตลาดทุนไทย ที่ต่างเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา “เซียนหุ้นพันล้าน” กล่าวเตือนนักลงทุนรายย่อยทั้งหลายอย่าชะล่าใจไปกับภาพที่สวยงามในขณะนี้
“แพะทองคำ 2558” ศักราชใหม่ที่น่าจับตามองไปไม่น้อยกว่าช่วงปีที่ผ่านมา กับการบริหารจัดการประเทศแบบกุมอำนาจเบ็ดเสร็จภายใต้การบริหารของ“บิ๊กตู่ “ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่มีใครไม่รู้จักชายผู้นี้ นับตั้งแต่ “บิ๊กตู่” เข้ามาเคลียร์ปัญหาทางการเมืองอย่างจริงจังที่ยืดเยื้อมานานนับแรมปีเป็นผลสำเร็จเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา แต่ด้วยประเทศยังขาดผู้นำในการจัดการประเทศ ชายในเครื่องแบบทหารอย่าง “บิ๊กตู่” จำเป็นต้องลงมาคุมเกมทางเศรษฐกิจของประเทศเอง แบบจริงจังชั่วคราว
การมีรัฐบาลทหารในยุคปัจจุบันแตกต่างจากอดีตค่อนข้างมาก เพราะรัฐบาลทหารชุดนี้ เน้นการผลักดันประเทศด้วยแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการรูปแบบต่างๆ จนหลายต่อหลายฝ่าย มองว่า เป็นเรื่องดีถ้าแผนการต่างๆเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ตลาดหุ้นไทยก็จะได้รับอานิสงค์ดังกล่าวตามไปด้วย และคำว่า “หุ้นไทยไม่แพ้หุ้นใดในโลก” ก็ไม่ห่างไกลเกินเอื้อม แต่ทว่า ความหวังเหล่านั้นดูเหมือนจะจางบ้างในบางครั้ง ด้วยเหตุติดขัดหลายอย่างที่หลงเข้ามาให้รัฐบาลทหารของ “บิ๊กตู่” ได้ทดสอบ
“ปีนี้ยังเป็นปีแห่งความไม่น่าไว้วางใจ” หนึ่งประโยคสำคัญในการตัดสินใจก่อนลงทุนของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนมือหนึ่งตลาดทุนไทย ที่ต่างเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา “เซียนหุ้นพันล้าน” กล่าวเตือนนักลงทุนรายย่อยทั้งหลายอย่าชะล่าใจไปกับภาพที่สวยงามในขณะนี้
ดร.นิเวศน์ กล่าวว่า ปีนี้ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่น่าเป็นห่วง ทั้งเศรษฐกิจไทยเองก็มีความน่าเป็นห่วงไม่น้อย แม้การเมืองจากนิ่งอยู่บ้าง แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตัวเศรษฐกิจเองก้มีการปรบเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา มาดูในส่วนของหุ้นไทยในปัจจุบันราคาก็ไม่ถูกเหมือนเมื่อก่อน PE อยู่ในระดับสูงมาก เกือบ 20 เท่า ด้านดัชนีหุ้นไทยเองก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้น การเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ใดก็ตาม นักลงทุนยังต้องระมัดระวังการลงทุนพอสมควร
“ผลดำเนินงานของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) อาจจะปรับตัวดีขึ้น แต่อย่าลืมไปว่าช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา มีการขาดทุนน้ำมันค่อนข้างสูง และการที่มีหลายบริษัทที่ขาดทุนน้ำมันนั้น จะกลับมามีบทบาทเหมือนที่เคยเป็นก็อาจจะติดขัดสักหน่อย ส่วนบจ.อื่นที่ไม่ขาดทุนน้ำมันจะมีผลงานโดดเด่นแต่เมื่อดูมูลค่าแล้วมีไม่มากเท่ากับบจ.ที่ขาดทุนน้ำมัน แต่สิ่งที่หุ้นไทยยังโดดเด่นต่อเนื่อง เพราะมีความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างสูง มาการเข้ามาเก็งกำไรกันมากขึ้น”
ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันมีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และพลังจากนักลงทุนเหล่านี้เป้นตัวผลักดันหุ้นไทยให้เติบโตดีอย่างในทุกวันนี้ ดังนั้น หากมีเหตุการณ์ใดเข้ามาลดบทบาทความสำคัญของตลาดหุ้นไทย ก็จะทำให้หุ้นไทยในปี 2558 จะถูกลดบทบาทลงไปด้วยในทันที อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยคอยเอื้อหนุนอยู่บ้างหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมาจริง สถาพคล่องภายในประเทศที่ยังมีอยู่เหลือเฟือก็ยังจะสามารถไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยได้
เนื่องจาก อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ความสนใจด้านการลงทุนยังมุ่งมายังตลาดหุ้นไทย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยดันดัชนีหุ้นไทยให้ดีต่อเนื่องในขณะนี้ แต่การปรับขึ้นของดัชนียังมาความกังวลในเรื่องของการเทขายทำกำไรด้วยเช่นกัน ในส่วนของนักลงทุนจึงต้องระมัดระวังเรื่องนี้ด้วย
ถ้ามาดูเรื่องของการเก็งกำไรของนักลงทุนในปัจจุบัน เชื่อว่า ยังคงมีอยู่ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า หุ้นไทยในช่วงหลังๆเปลี่ยนไปมาก นักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่เข้ามายังตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง เข้ามาเพื่อเก็งกำไรกันมากขึ้น ทั้งนักลงทุนหน้าใหม่และนักลงทุนหน้าเก่า ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังไปได้เรื่องๆ ขณะนี้ เมื่อวิเคราะห์จากความน่าจะเป็นแล้ว หลายสถานกาณณืไม่ได้เออื้อให้หุ้นไทยโดดเด่นได้ขนาดนี้ แต่เป็นเพราะการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนนั้น จะมุ่งเรื่องการเก็งกำไรมากกว่าเข้ามาลงทุนเพราะดุพื้นฐานอย่างที่ควรจะเป็น
“พื้นฐานหุ้นไทยไม่ได้เอื้อให้ดัชนีเพิ่มขึ้นไปมากขนาดนี้ แต่ที่หุ้นไทยไปได้ทุกวันนี้ก็เพราะนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเก็งกำไรจากการลงทุนมากขึ้น ซึ่งมีมาตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา และเช่นว่า การเข้ามาเก้งกำไรของนักลงทุนหน้าใหม่ยังคงมีต่อไปเรื่อยสำหรับตลาดหุ้นไทยในปีนนี้”
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนนั้น ยังคงยึดหลักเรื่องของความปลอดเป็นสำคัญ การลงทุนปีนี้ อย่างที่กล่าวในเบื้องต้น ว่าไม่สามารถไว้ใจได้ แม้ว่าดชนีจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อย่าลืมว่า การเพิ่มขึ้นของดัชนีที่แท้จริงนั้นมาจากส่วนใด การเข้ามาเก็งกำไรของวนักลงทุนนในปัจจุบัน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยดันดัชนีได้ แต่พอดูพื้นฐานตามความเป็นจริงกลนับตรงกันข้าม นักลงทุนต้องระมดระวัง่เรื่องนี้ให้มาก
ภาพสวยงามของเศรษฐกิจที่ต่างวาดฝันให้ดู ก็ต้องคำนึงเป็นพิเศษ ถึงความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะโครงการอาจจะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ แม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะให้ความสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น การลงทุน ให้เน้นลงทุนแบบระยะยาวดีที่สุด เพราะการลงทุนระยะสั้นเสี่ยงต่อการขึ้นเร็วลงเร็ว ให้มองการลงทุนไกลไปสักหน่อยน่าจะปลอดภัยกว่า ถ้าเลือกหลักทรัพย์ลงทุน อาจจะเอื้อกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐได้ แต่ควรเน้นลงทุนแบบระยะยาวเป็นหลัก