TIGER บวก3% คาดรายได้ปี 62 แตะ 1.4พันลบ. หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 558ลบ. หนุนผลงานโตก้าวกระโดด
TIGER บวก3% คาดรายได้ปี 62 แตะ 1.4พันลบ. หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 558ลบ. หนุนผลงานโตก้าวกระโดด โดย ณ เวลา 15.14 น. ราคาอยู่ที่ 4.10 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 3.02% สูงสุดที่ 4.14 บาท ต่ำสุดที่ 4.02 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 57.68 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER ล่าสุด ณ เวลา 15.14 น. อยู่ที่ 4.10 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 3.02% สูงสุดที่ 4.14 บาท ต่ำสุดที่ 4.02 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 57.68 ล้านบาท
นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TIGER เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้และกำไรในปี 62 เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้ารักษาการเติบโตไม่น้อยกว่า 30% จากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 790 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/61 จำนวน 232 ล้านบาท ส่วนที่เหลือประมาณ 558 ล้านบาท รับรู้ในปี 62
“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีงานใหม่ที่เราเข้าประมูลทั้งในส่วนของภาครัฐ และภาคเอกชน ที่เตรียมประกาศเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเรามั่นใจว่า มีความเป็นได้สูงที่จะได้รับงานใหม่ เพราะถ้าเราไม่มั่นใจเราจะไม่ลงไปแข่ง ซึ่งจะทำให้ Backlog ของเราเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มรายได้และกำไรในปีหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด รักษาการเติบโตไม่น้อยกว่า 30% ตามแผนงานที่วางไว้” นายจตุรงค์ กล่าว
โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 62 ที่ระดับ 1,400 ล้านบาท ตามการรับรู้รายได้จาก Backlog รวมถึงยังจะมีโอกาสสร้างการเติบโตตามภาพรวมของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะเมื่อมีการเลือกตั้ง ซึ่งปัจจุบันมีสัญญาณชัดเจนในการจัดการเลือกตั้งในปี 62 แน่นอน ทำให้คาดว่าธุรกิจจะเติบโตมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีในส่วนของโครงการที่มีการประมูลจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีแผนที่กำหนดไว้ชัดเจนก็ไม่มีความกังวลว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากโครงการภาครัฐ 50% และจากโครงการเอกชนอีก 50%
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการประมูลงานโครงการมูลค่ารวมราว 1.7-2.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานโครงสร้างพื้นฐานราว 800-1,000 ล้านบาท, งานการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)ราว 500 ล้านบาท, งานก่อสร้างโรมแรม 2-3 แห่ง มูลค่าแห่งละ 200-300 ล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังว่าจะได้งาน 90% ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศผลประมูลภายในปลายปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะรับเหมาโครงการที่มีมูลค่าและขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งในภาคเอกชนจะเข้าประมูลงานที่ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนสูงขึ้น งานจากเจ้าของที่มีชื่อเสียง เช่น โครงการคอนโดมิเนียม หรือโรงแรมระดับ 5 ดาว โดยเข้าร่วมประมูลงานและเข้าอยู่ในทะเบียนคู่ค้า (Vendor List) ของผู้ออกแบบหรือบริษัทผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียง
ส่วนการเข้ารับงานจากภาครัฐ จะส่งบริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานที่มีมูลค่าสูงของภาครัฐโดยเน้นในงานระบบประปาและนิคมอุตสาหกรรม เพื่อศักยภาพในการประมูลงาน และมีโอกาสเปิดรับช่องทาง M&A สำหรับบริษัทที่มีผลงานภาครัฐด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งทำตลาดสำหรับงานติดตั้งอลูมิเนียม ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท อีจี อลูมินั่ม จำกัด (TEA) โดยจะลดสัดส่วนการพึ่งพิงบริษัทแม่ โดยมุ่งทำการตลาดสำหรับงานตกแต่งจากกระจกอลูมิเนียมเต็มรูปแบบ และเข้ารับงานจากลูกค้าโดยตรง ซึ่งจะมีการพิจารณาทั้งส่วนของงานระดับกลางและงานโครงการขนาดใหญ่ พร้อมทั้งขยายส่วนงานจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ที่ดำเนินการโดยบริษัท ทีอี แมค จำกัด (TEM) ไปสู่การจำหน่ายและติดตั้งระบบสาธารณูปโภค เพิ่มการรับงานบำรุงรักษาระบบสาธารณูปโภคในคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรร
นอกจากนี้ นายจตุรงค์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมุ่งเน้นในการพัฒนาบุคลากรและองค์กรภายในให้มีความแข็งแรงและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยวางงบราว 2-3 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความสามารถของบุคลากรผ่านกระบวนการอบรมและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ในการศึกษาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงการวางแผนจัดสรรเงินทุนและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม อีกทั้งยังส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรและถ่ายทอดสู่พนักงานใหม่
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานรับเหมาก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของภาครัฐ และเอกชน ซึ่งล่าสุดในไตรมาส 4/61 ได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง 2 โครงการใหม่ ประกอบด้วย งานรับเหมาก่อสร้างเฉพาะโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม งานภายนอกอาคารโรงแรมวี วิลล่า อ่าวยนต์ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งยังไม่รวมงานระบบ โดยได้เริ่มงานทันทีในเดือน พ.ย. หลังเซ็น LOI คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 10-15% ของมูลค่าโครงการ ส่วนที่เหลือจะยกยอดไปรับรู้ปี 62
สำหรับโครงการที่ 2 เป็นงานก่อสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ ไทรม้า จังหวัดนนทบุรี เฟส 2 มูลค่า 147 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในไตรมาส 4/61 ในสัดส่วนประมาณ 10% ของมูลค่าโครงการ ส่วนที่เหลือจะยกยอดไปเป็นปีหน้า