10 หุ้นน่าลงทุนรับปัจจัยหนุน
แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยยังมีการแกว่งตัวผันผวนทั้งแดนบวกและแดนลบ และเคลื่อนไหวอิงไปตามสถานการณ์และทิศทางภาวะต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่...อย่างเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ราคาน้ำมันดิบโลก และอัตราดอกเบี้ยของเฟด เป็นต้น ซึ่งล้วนมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
เส้นทางนักลงทุน
แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยยังมีการแกว่งตัวผันผวนทั้งแดนบวกและแดนลบ และเคลื่อนไหวอิงไปตามสถานการณ์และทิศทางภาวะต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่…อย่างเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ราคาน้ำมันดิบโลก และอัตราดอกเบี้ยของเฟด เป็นต้น ซึ่งล้วนมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าปัจจัยต่างประเทศที่ผ่อนคลายลงชั่วคราวจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่ล่าสุดมีรายงานว่าจีนเตรียมเปิดตลาดให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้นรวมถึงประธานาธิบดี Donald Trump ออกมาส่งสัญญาณการเจรจากับจีนยังเป็นไปได้ด้วยดีแต่เรื่องนี้เชื่อว่าอาจจะไม่จบง่าย ๆ เช่นช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน พ.ย. 2561 ขยายตัว 2.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงจากเดือน ต.ค. 2561 ที่ 2.5% ทำให้นักลงทุนคาดว่า FED จะไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ ในปีหน้า
ทั้งนี้นักลงทุนยังคาดว่าการประชุม FED ระหว่างวันที่ 18-19 ธ.ค. 2561 จะมีการขึ้นดอกเบี้ยฯ เป็นครั้งที่ 4 อีก 0.25% เป็น 2.5% แต่ต้องติดตามมุมมองการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยฯ ของคณะกรรมการ FED ผ่าน FOMC Dot Plot ว่าจะเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยฯ ปีหน้า 3 ครั้งหรือไม่ เพราะอาจทำให้ Fund Flow ต่างชาติยังไหลออกต่อเนื่อง
ด้วยปัจจัยภายนอกที่ยังไม่แน่นอนและขาดความชัดเจน ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศก็ไม่มีประเด็นใหม่ ๆ เข้ามาสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม
ดังนั้นการเข้าเก็งกำไรในหุ้นควรเล่นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์เฉพาะเป็นประเภทกลุ่มธุรกิจไป…
สำหรับกลุ่มหลักที่น่าสนใจ ดังนี้
1) กลุ่มสื่อนอกบ้านซึ่งมีฐานต่ำในปีก่อน จากได้รับผลกระทบจากการขึ้นป้ายไว้อาลัยบวกกับคาดเม็ดเงินโฆษณามีทิศทางสดใสขึ้นรับผลบวกในช่วงก่อนเลือกตั้งจะทยอยเข้ามา สำหรับหุ้นแนะนำ ได้แก่ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB เนื่องจากมีแผนขยาย Media Capacity 15-20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และสร้างจุดเด่นด้วย Engagement Marketing
บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI มีการรับรู้รายได้ป้ายโฆษณาบนสถานี BTS ที่เพิ่มขึ้นตามการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ บวกกับแรงหนุนจาก Synergy ในกลุ่มธุรกิจที่ชัดเจนขึ้น พร้อมแผน M&A อีก 2-3 บริษัทในปีหน้า เพื่อก้าวสู่การเป็น Marketing Solution
บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO มีแผนปรับปรุงจอโฆษณาจาก Static เป็น Digital ในเชิงรุกมากขึ้น หลังควบรวม Trans Ad. และ Roctec รวมทั้งมีรายได้จาก VGM เพิ่มเข้ามาหลังรวมงบ และล่าสุดประกาศร่วมทุนกับ Sinarmas Group เพื่อลงทุนให้บริการสื่อใน 13 สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในอินโดนีเซีย
2) กลุ่มค้าปลีก เนื่องจากช่วงไตรมาส 4/2561 กำลังซื้อจะดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้าที่อยู่ในช่วงไว้อาลัย อีกทั้งปีหน้ายังมีอานิสงส์บวกจากมาตรการคืน VAT 5% ให้ประชาชนทุกคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตผูกบัญชีพร้อมเพย์ ตั้งแต่ 1-15 ก.พ. 2562 เพื่อกระตุ้นนโยบาย E-Payment สำหรับหุ้นที่แนะนำ ได้แก่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS โดยคาดโตจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเพราะเปิดสาขาใหม่ และกลยุทธ์ปรับ Product Mixed มาเน้นขายสินค้าในกลุ่ม Private Brand มากขึ้น
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN โดยคาดโตจากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ และการปรับปรุงศูนย์การค้าที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ควบคู่กับการบริหารต้นทุนการดำเนินงาน ปัจจุบัน CPN บริหารจัดการศูนย์การค้า 33 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.7 ล้าน ตร.ม. เพิ่มจาก 1.6 ล้าน ตร.ม. ณ สิ้นช่วงไตรมาส 3/2560
บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) หรือ COL มีแผนขายสิทธิแฟรนไชส์เพื่อเปิดสาขาได้ราว 3-4 สาขาสำหรับปี 2561 และปี 2562 ตั้งเป้าขยายอีก 15-20 สาขาและแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ เจาะลูกค้ากลุ่มโรงแรม ร้านกาแฟ และร้านอาหาร ซึ่งแผนงานนี้จะทำให้บริษัทมีรายการสินค้าเพิ่มเข้ามาอีก 4,000 SKU
3) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างคาดได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ในเดือน ก.พ.ปีหน้า ซึ่งจะสะท้อนไปที่หลายโครงการภาครัฐที่จะเริ่มดำเนินการต่อ บวกกับในช่วงเดือน ธ.ค. 2561-ก.พ. 2562 มีโครงการภาครัฐที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติและยื่นซองประมูล ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ทราบผลประมูลภายใน 14 ธ.ค.) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 (ยื่นซองประมูล 14 ม.ค. 2562 และทราบผลเดือน ก.พ. 2562) เป็นต้น
สำหรับหุ้นแนะนำ ได้แก่ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ มีงานในมือ (Backlog) ราว 3.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นงานภาครัฐโดยเฉพาะงานรถไฟฟ้า และ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO มีโอกาสได้รับงาน Subcontract จากผู้รับเหมาขนาดใหญ่ในโครงการต่าง ๆ และมีงานในมือ (Backlog) ราว 2.8 พันล้านบาท คาดเพียงพอต่อการรับรู้รายได้ 1-2 ปีข้างหน้า
4) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม มองได้อานิสงส์บวกจากการเลือกตั้งที่มีความคืบหน้าชัดเจนขึ้น คาดหนุนทั้งราคาขายและยอดขายพื้นที่ในเขต EEC โตเด่น สำหรับหุ้นแนะนำ ได้แก่ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ปัจจุบันมีพื้นที่รอการขาย 2,777 ไร่ และพื้นที่รอการพัฒนาอีกราว 8,172 ไร่ และ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA โดยปี 2562 ตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมฯ ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ พร้อมคาดได้รับลูกค้าคลังสินค้าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 แสนตารางเมตร
ทั้งนี้ หุ้นที่นำเสนอมองว่ายังเป็นหุ้นที่สามารถต้านทานกับภาวะตลาดผันผวน!!!