NWR ประมูลงานได้มาก กำไรปี 62 ฟื้นตัวสูงแนะ”ซื้อ”อัพเป้าหมาย 1.06 บาท

NWR ประมูลงานได้มาก กำไรปี 62 ฟื้นตัวสูงแนะ"ซื้อ"อัพเป้าหมาย 1.06 บาท


บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(19ธ.ค.) บริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR  แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.06 บาท/หุ้นประมูลงานก่อสร้างใหม่ได้เป็นจำนวนมาก จากต้นปีถึง ส.ค.61 ประมูลงานใหม่ได้เพียง 4.5 พันล้านบาท ยังห่างจากเป้าปีนี้ที่ 13.8 พันล้านบาท อย่างมาก แต่แล้วเมื่อมาถึงต้น ธ.ค.61 ประมูลงานได้เพิ่มมากจนยอดสะสมเป็น 13.9 พันล้านบาท ถือว่าเกินเป้าหมายแล้ว และดีกว่าปี 60 ประมูลได้เพียง 5.4 พันล้านบาท ล่าสุดเพิ่งแจ้งตลาดฯมีงานใหญ่ที่เพิ่งได้รับคือ รับเหมาช่วงจาก STEC รถไฟฟ้าสายสีเหลือง 3.1 พันล้านบาท และชมพู 3.5 พันล้านบาท รวมมูลค่าเป็น 6.6 พันล้านบาท เป็นงานโครงสร้างและสถาปัตย์ ใช้เวลาก่อสร้าง 950 วัน หรือ 2.6 ปี คาดว่าจะรับรู้รายได้เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ 2H62 เป็นต้นไป

แนวโน้มไตรมาส 4/61 ยังอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง คือรายได้จากการก่อสร้างจะย่อตัวจาก 3Q61 เล็กน้อย แต่ได้รับการชดเชยจากรายได้อสังหาฯ ที่มีการโอนส่วนใหญ่มาจากคอนโด เอสเพน ลาซาล B และ A บางส่วนรวมแล้วประมาณ 400 ล้านบาท เทียบกับ 9M61 ที่ 371 ล้านบาท อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในเกณฑ์ไม่สูง เพราะมีงานรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่าทั้งหมด 6.8 พันล้านบาท ซึ่งได้ราคาประมูลมาที่ไม่สูงนัก เพราะตอนนั้นต้องการได้งานก่อสร้างเพิ่ม ปัจจุบันงานนี้คืบหน้าไป 18% ส่วนที่เหลือจะใช้เวลาก่อสร้างไปอีก 2 ปี นอกจากนี้สัดส่วนค่าใช้จ่ายเทียบกับรายได้ก็ยังสูง

แต่คาดว่ากำไรหลักปี 62 จะมีการฟื้นตัวสูง เป็น 104 ล้านบาท เทียบกับปี 61 ที่มีกำไรหลักเพียง 10 ล้านบาท และถือว่าสูงสุดในรอบ 6 ปีทีเดียว สืบเนื่องจากคาดการณ์รายได้มีการเติบโต 12% y-o-y โดยหลักมาจากรายได้ก่อสร้างเพิ่มขึ้น 12% เป็น 10.1 พันล้านบาท ตามการได้รับงานก่อสร้างใหม่ที่มากขึ้น และรายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทย่อย แอ็ดวานซ์ พรีแฟบเพิ่มก้าวกระโดด 138% เป็น 1 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ที่สูงเป็น 2.8 พันล้านบาท ที่จะรับรู้ได้ไปเกือบ 2 ปี แต่รายได้ในส่วนอสังหาฯปี 62 คาดว่าจะลดลง 57% เป็น 334 ล้านบาท เพราะมียอดขายรอโอนไม่มากนัก ต้องพึ่งพิงการขายโครงการปัจจุบันให้ได้เพิ่มขึ้น

คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นและการบริหารค่าใช้จ่ายดีขึ้นในปี 62 มีสมมุติฐานว่าอัตรากำไรขั้นต้นปี 62 ดีขึ้นเป็น 7.6% จากปี 61 ที่ 6.9% เพราะงานใหม่ที่ได้รับมีอัตรากำไรที่สูงขึ้น อีกทั้งสัดส่วนค่าใช้จ่ายขาย-บริหารเทียบกับรายได้สู่ภาวะปกติที่ 5.6% เทียบกับปี 61 ที่ 6.4% ซึ่งมีค่าใช้จ่ายการตลาดในธุรกิจอสังหาฯที่มาก และการเริ่มของบริษัทย่อย แอ็ดวานซ์ พรีแฟบ อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรตามส่วนได้เสียปี 62 ลดลงเป็น 19 ล้านบาท เทียบกับปี 61 ที่ 74 ล้านบาท โดยปี 62 มาจากโครงการ บ้านอิสระ บางนา ในนามบริษัทร่วมทุน C.I.N. เอสเตท ขณะที่ปี 61 ยังมีโครงการเหมืองแม่เมาะที่ได้ทำงานแล้วเสร็จไปแล้ว ทั้งกำไรจากการดำเนินงานและขายสินทรัพย์เมื่อเลิกกิจการ

ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม เต็มมูลค่า (Fully Valued) ราคาพื้นฐานใหม่ขยับขึ้นเป็น 1.06 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/BV ปี 62 ที่ 0.7 เท่า ราคาปิดยังมีส่วนเพิ่มถึง 34% ข่าวดีคือ 1) บริษัทกำลังประมูลงานเพิ่มอีก 17.7 พันล้านบาท คาดว่ามีโอกาสสำเร็จ 10-15% 2) ปีหน้ามีงานใหญ่อีกมาก ตามงบประมาณภาครัฐ 2 ปีคือ 62-63 มูลค่ามากกว่า 7.8 แสนล้านบาท และ 3) มีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเครื่องจักรขุดหน้าดินเหมืองแม่เมาะ คาดว่ากำไรจะอยู่ในเกณฑ์สูง 80-100 ล้านบาท ทีเดียว ขึ้นกับว่าจะขายได้เมื่อใด

Back to top button