GULF เทรดพันล้านดันราคาพุ่งปิด “ออลไทม์ไฮ” ฟาก “สารัชถ์” ลั่นรายได้ปี 62 เกิน 3 หมื่นลบ.

GULF เทรดพันล้านดันราคาพุ่งปิด "ออลไทม์ไฮ" ฟาก "สารัชถ์" ลั่นรายได้ปี 62 เกิน 3 หมื่นลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ระดับ 80.50 บาท ปรับตัวขึ้น 3 บาท หรือ 3.87% สูงสุดที่ระดับ 80.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 76.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.05 พันล้านบาท โดยราคาหุ้นในวันนี้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2560

ทั้งนี้ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ของบริษัทจะปรับขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ราว 1.4-1.5 แสนล้านบาทในปี 2568 จากการทยอยเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือตามแผน โดยปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนาทั้งโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP), โรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP), โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และลม ในเวียดนาม ,โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ในโอมาน ซึ่งจะทำให้มีกำลังผลิตตามสัดส่วนร่วมทุนที่ COD แล้วเพิ่มเป็นกว่า 6,000 เมกะวัตต์

ขณะเดียวกันยังมองโอกาสการลงทุนโรงไฟฟ้าสร้างใหม่ และการซื้อกิจการ (M&A) ในต่างประเทศเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าดีลใหม่ดังกล่าวจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ส่วนกระแสข่าวเรื่องการจะเข้าซื้อกิจการบริษัทโกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW และบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH นั้นบริษัทไม่มีความสนใจ และขณะนี้ก็ไม่ได้เข้าไปพิจารณาโครงการ

“รายได้ปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ปีหน้าก็จะปรับขึ้นเป็นกว่า 3 หมื่นล้านบาท ปีถัด ๆ ไปก็คงจะขึ้นไปอีก เพราะโรงไฟฟ้าของเราจะทยอย COD เรื่อย ๆ จนถึงปี(ค.ศ.) 2025  เราก็จะโตเยอะมากรายได้น่าจะแตะแสนล้านบาทได้ในปี 2025…ส่วนข่าวเรื่องการเข้าไปซื้อหุ้น GLOW และวินด์ ก็เป็นเพียงข่าว เราไม่มีความสนใจ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง ตอนนี้ไม่ได้ดู อนาคตเรายังตอบไม่ได้” นายสารัชถ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ในธุรกิจพลังงาน มีผู้มานำเสนอโครงการเข้ามามากมาย ซึ่งบริษัทก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าน่าลงทุนหรือน่าซื้อหรือไม่ เพราะแต่ละโครงการมีมูลค่าสูงนับหมื่นนับแสนล้านบาท โดยต้องพิจารณาทั้งอัตราผลตอบแทนการลงทุนว่าจะคุ้มค่ากับต้นทุนทางการเงินที่จะใช้ลงทุนหรือไม่ด้วย

อย่างไรก็ตามบริษัทก็ยังมองหากำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นตลอดเวลาเพื่อรองรับการเติบโต ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือและอยู่ระหว่างพัฒนาก็ต้องให้สามารถ COD ได้ตามกำหนดเพื่อให้อยู่ภายใต้ต้นทุนที่กำหนดไว้ และโรงไฟฟ้าที่ COD อยู่แล้วก็จะต้องบริหารจัดการเพื่อให้สามารถเดินเครื่องผลิตได้อย่างราบเรียบด้วย

ทั้งนี้ เชื่อว่าในอนาคตบริษัทจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้นเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังการ COD โรงไฟฟ้าในมือครบช่วงปี 2568 แล้วก็เชื่อว่าจะมีกำลังผลิตใหม่เข้ามาต่อเนื่องเพื่อให้บริษัทเติบโตได้ อย่างโครงการในเวียดนามที่ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาแล้ว ก็อาจจะมีการลงทุนอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วย ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในโอมาน ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ก็มีโอกาสที่จะมองหาการเติบโตได้เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้บริษัทยังได้เข้าไปซื้อซองเพื่อร่วมประมูลโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะ 3 ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ด้วยแต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเข้ายื่นประมูลหรือไม่ เพราะต้องศึกษาว่ามีความคุ้มค่าในการลงทุนหรือไม่ อย่างไร

Back to top button