NER ปักธงรายได้ปี 62 โตแตะ 1.5 หมื่นลบ. รุกเดินหน้าขยายตลาดตปท.เต็มสูบ

NER ปักธงรายได้ปี 62 โตแตะ 1.5 หมื่นลบ. รุกเดินหน้าขยายตลาดตปท.เต็มสูบ


นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 62 จะเติบโตขึ้นไปที่ราว 1.5 หมื่นล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ราว 1 หมื่นล้านบาทเศษ ภายใต้คาดการณ์ปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูปเพิ่มขึ้นเป็น 2.6 แสนตัน จากปีนี้ 2.2 แสนตัน

ขณะที่ประเมินราคายางจะปรับตัวดีขึ้นมาที่ราว 50 บาท/กิโลกรัม จากปีนี้ 45-47 บาท/กิโลกรัม ตามความต้องการยางในตลาดโลกจะเติบโตตามปกติในแต่ละปีราว 2-5%

“ยอดขายเราจะเพิ่มขึ้นจากปริมาณการผลิตเพิ่ม และมองว่าปี 61 เป็นจุดต่ำสุดของราคายางแล้ว เราจะมี capacity เพิ่มเป็น 2.9 แสนตันตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 62″นายชูวิทย์ กล่าวถึงโครงการปรับปรุงเครื่องจักรสำหรับผลิตยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตจะทำให้กำลังการผลิตยางผสมสูงขึ้น 60,000 ตันต่อปีจะเริ่มเดินเครื่องในเดือน ก.พ.62” นายชูวิทย์ ระบุ

ขณะที่แผนการก่อสร้างโรงงานใหม่ผลิตยางแท่ง (STR20) และยางผสม (Mixtures Rubber) กำลังการผลิต 172,800 ตันต่อปีคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 และเริ่มรับรู้รายได้ส่วนเพิ่มในปี 63 เมื่อรวมทั้งสองส่วนจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตยางพาราแปรรูปเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 465,600 ตัน/ปี

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า บริษัทเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเจรจากับลูกค้าจีน 3 รายที่คาดว่าจะมีคำสั่งซื้อรวมกันราว 1.5 หมื่นตัน/ปี และวางแผนขยายตลาดลูกค้าสิงคโปร์เพิ่ม โดยปัจจุบันบริษัทมีการทำสัญญาระยะยาว (Long Term Contact) กับลูกค้าไปแล้วกว่า 11 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 61 ที่มีอยู่ 8 ราย ทำให้บริษัทมีลูกค้าที่รอรับรู้รายได้ที่แน่นอนส่วนหนึ่งแล้ว

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างยื่นขอให้ผู้ผลิตยางล้อรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป 3 ราย ซึ่ง 1 ในนั้น คือ มิชลิน เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบมาตรฐานการผลิตของโรงงานและผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นใบเบิกทางสำหรับการรุกเปิดตลาดส่งออกไปยังยุโรป หลังจากที่ผ่านมาบริษัทได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากบริดจสโตนทำให้บริษัทสามารถส่งออกสินค้าไปขายในจีนและภูมิภาคเอเชียได้ดี คาดว่าการตรวจสอบของมิชลินและขั้นตอนต่าง ๆ น่าจะใช้เวลาราว 1 ปี หรือรู้ผลในไตรมาส 2/63 ซึ่งทันเวลารองรับปริมาณผลผลิตที่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 63

“ผู้ผลิตล้อยางรายใหญ่ในโลกมี 6-7 ราย แต่บริดจสโตนและมิชลินเป็นสองรายใหญ่ที่กินมาร์เก็ตแชร์หลักของโลก เราได้มาตรฐานของบริดจสโตนมาแล้ว เราใช้ทำมาหากินส่งของไปขายในหลายประเทศอย่างจีน สิงคโปร์  ถ้าเราได้มาตรฐานของมิชลินเราก็จะสามารถส่งของไปขายทั้งยุโรป เรามองว่าตลาดยุโรปมีโอกาสอีกมาก เพราะคุณภาพวัตถุดิบของ NER ที่รับซื้อยางจากภาคอีสานเป็นหลักมีมาตรฐานที่ดี” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า บริษัทเปิดสายการผลิตสินค้าใหม่ คือ ยางแผ่นผสม (RSS Mixtures Rubber) โดยเตรียมส่งสินค้าล็อตแรกให้กับลูกค้าจีนกว่า 80 ตันในช่วงสิ้นปี 61 ทำให้สามารถบันทึกรายได้เข้าในช่วงไตรมาส 1/62 ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่กำหนดจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/62

ทั้งนี้ RSS Mixtures Rubber เป็นผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูปขั้นต้นกึ่งธรรมชาติที่ผสมระหว่างยางแผ่นดิบ ยางสังเคราะห์ และ/หรือ สารเคมี ตามคุณสมบัติหรือลักษณะพิเศษที่ลูกค้าต้องการใช้ คุณสมบัติที่โดดเด่นเฉพาะตัวคือมีค่าความยืดหยุ่นที่ดีกว่า ค่าความหนืดที่ดีกว่า

“ธุรกิจได้เดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะในส่วนของการปรับปรุงขยายเพิ่มไลน์ผลิตยางแผ่นผสมนั้น มีการทดสอบและเริ่มเดินไลน์ผลิตไปแล้ว และสามารถส่งมอบสินค้าได้เร็วกว่ากำหนดโดยจะส่งมอบเร็วๆ นี้และรับรู้รายได้เร็วขึ้นเป็นไตรมาส 1/62 ซึ่งจากการตอบรับของลูกค้า บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายชูวิทย์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/61 ยังเติบโตได้ดีตามแผนที่วางไว้ โดยมาจากตลาดต่างประเทศ  40% และในประเทศ 60% ซึ่งบริษัทจะเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดสัดส่วนรายได้ที่สมดุลมากขึ้น พร้อมทั้งเน้นการรักษาเสถียรภาพของการทำกำไร เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนไปตามราคายางในตลาดโลก ซึ่งทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีความมั่นคง

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เนื่องจากผลประกอบการในปีนี้คาดว่าจะมีกำไรเติบโตตามเป้าหมาย ขณะที่บริษัทยังมีกำไรสะสมอยู่ถึงกว่า 500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงต้นปี 62

Back to top button