พาราสาวะถี
กลายเป็นประเด็นที่ต้องรอบทสรุปจากทาง กกต. ว่าจะออกมาในรูปแบบใด กับกรณีที่ตุ๊กตุ๊กติดป้าย “รับเงินหมา กาเพื่อไทย” พร้อมมีโลโก้ของพรรคและสโลแกนพรรคเสร็จสรรพเรียบร้อย เรื่องนี้มีแง่มุมให้พิจารณาหลายด้านชัด ๆ ว่า ถ้ามีติดแค่คันเดียวหมายความว่า เจ้าตัวทำเองเพราะชื่นชอบเป็นการส่วนตัว หรือหากมีมากกว่านั้น ต้องไปเสาะแสวงหาว่าใครทำ เกี่ยวข้องกับพรรคนายใหญ่หรือไม่อย่างไร
อรชุน
กลายเป็นประเด็นที่ต้องรอบทสรุปจากทาง กกต. ว่าจะออกมาในรูปแบบใด กับกรณีที่ตุ๊กตุ๊กติดป้าย “รับเงินหมา กาเพื่อไทย” พร้อมมีโลโก้ของพรรคและสโลแกนพรรคเสร็จสรรพเรียบร้อย เรื่องนี้มีแง่มุมให้พิจารณาหลายด้านชัด ๆ ว่า ถ้ามีติดแค่คันเดียวหมายความว่า เจ้าตัวทำเองเพราะชื่นชอบเป็นการส่วนตัว หรือหากมีมากกว่านั้น ต้องไปเสาะแสวงหาว่าใครทำ เกี่ยวข้องกับพรรคนายใหญ่หรือไม่อย่างไร
ขณะที่พรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะพรรคใต้ปีกเผด็จการจะออกมาพูดถึงกรณีนี้ในแง่มุมใดไม่ได้ เพราะยังไม่ผ่านการพิสูจน์ว่า สิ่งที่เห็นใครเป็นคนทำ หากทำเป็นการส่วนตัวก็เท่ากับเป็นเรื่องของสิทธิและเสรีภาพ ยิ่งยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. เรื่องนี้ยังมองไม่เห็นแง่มุมที่จะไปเอาผิด เว้นเสียแต่ว่าจะเข้าข่ายเรื่องสร้างความวุ่นวายแล้วถูกพาไปปรับทัศนคติเหมือนกรณีหนุ่มเผยคลิปบัตรคนจนแลกสมาชิกบางพรรคการเมืองนั่นก็อีกเรื่อง
ส่วนการจะไปพาดพิงถึงพรรคเพื่อไทยของพรรคการเมืองใดก็ตาม ในอีกความหมายก็จะสื่อถึงการยอมรับว่ามีความพยายามในการที่จะทุจริตเลือกตั้งด้วยการซื้อเสียงอย่างนั้นหรือ พลังจากป้ายหลังตุ๊กตุ๊กครั้งนี้จึงมีผลสะเทือนอยู่ไม่น้อย แม้อยากจะเล่นงานเพราะเท่ากับเป็นการหยามหรือยัดเยียดให้กับใครหรือพรรคใดก็ตามที่มีการใช้กลไกไม่สุจริตเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องชนะการเลือกตั้ง
แต่ไม่มีใครที่จะโหวกเหวกโวยวายได้ แม้กระทั่งพรรคคู่รักคู่แค้นของพรรคนายใหญ่ ก็ไม่อาจจะตอแยต่อเรื่องนี้ มิหนำซ้ำ ยังอดที่จะสมน้ำหน้าไม่ได้เสียด้วยซ้ำ เนื่องจากสถานการณ์ปัญหาปากท้องของประชาชนจนถึงวันนี้ อย่างที่รู้กัน ภาวะจนกระจุกรวยกระจายเป็นหลักฐานประจานกันอยู่ เมื่อผนวกเข้ากับนโยบายบัตรคนจนที่เม็ดเงินมหาศาลพุ่งตรงไปที่กระเป๋าของนายทุนใหญ่ จึงทำให้ความรู้สึกของผู้คนมองสิ่งที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลเผด็จการในห้วงเวลานี้ด้วยทีท่าวางเฉย ไม่โอบอุ้ม ปกป้องเหมือนช่วงขวบปีแรก
อย่างไรก็ตาม ปมป้ายติดท้ายตุ๊กตุ๊ก วัฒนา เมืองสุข คนที่เพิ่งถูกคลิปฉาวเล่นงาน ได้ออกมาทวีตข้อความด้วยท่วงทำนองที่ดุเด็ดเหมือนเช่นเคย โดยระบุว่า “ถ้าสั่งคนไปรังแกเขา ก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นหมา อยากดูหน้าหมาจัง” ก่อนที่จะทวีตข้อความอีกรอบสั้น ๆ ว่า “เดือดร้อนแทนหมา” ในความหมายสื่อถึงใครคงต้องไปถามเจ้าตัวเอง ส่วนใครที่เดือดร้อนแล้วเข้ามากระโดดงับสิ่งที่เสี่ยไก่ขุดบ่อล่อไว้คงช่วยไม่ได้
ทางด้าน “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ก็โพสต์ข้อความเบา ๆ แต่ได้ใจความ “เอิ่มใจร่ม ๆ และคิดให้ดี ๆ พี่ 3 ล้อ เขาไม่ได้ว่าใคร หากร้อนตัว สั่งลูกน้องไปรังแกเขาอีก จะกลายเป็นว่าที่แจกเงิน ก็เพื่อหวังคะแนนเสียง” ก่อนที่จะระบุอีกว่า ขอให้ภาพนี้ไปรับรางวัลสามล้อดีเด่นจากซานต้า โดยข้อความดังกล่าวมี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร น้องสาวสุดท้องเข้าไปกดถูกใจด้วย
ถือเป็นความสนุกสนานของฝ่ายเพื่อไทย แต่ทางด้านคนที่ดูงานความมั่นคง อย่าง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ คงไม่คิดเช่นนั้น ถึงจะโยนเรื่องนี้ไปให้เป็นหน้าที่ของ กกต. แต่คำขู่ที่ฝากไปถึงพรรคการเมืองให้หาเสียงเชิงสร้างสรรค์ ปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อรักษาบรรยากาศบ้านเมือง การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปีหน้า หากมีใครทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายนั้น น่าจะเป็นสัญญาณบางอย่างได้เหมือนกัน
ต้องไม่ลืมว่า ขนาดคนที่โพสต์คลิปประจานการแจกบัตรคนจนที่ต้องแลกกับการสมัครเป็นสมาชิกพรรคบางพรรคการเมืองที่จังหวัดยโสธร ก่อนจะตามมาด้วยข่าวว่าถูกอุ้มไปปรับทัศนคติก่อนที่เจ้าตัวจะปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกปรับทัศนคติ แต่นั่นก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่าคนที่กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อ่อนไหวขนาดไหนกับเรื่องในลักษณะนี้ ทั้ง ๆ ที่ประกาศปาว ๆ ว่า พรรคดังว่าไม่เกี่ยวข้องใด ๆ แต่ทำไมกรณีนี้ไม่ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคที่พูดพาดพิงและหน่วยงานอย่าง กกต.เข้าไปตรวจสอบเอง
แม้กระทั่งหน่วยงานรัฐที่ถูกพาดพิงหากเห็นว่าทำให้เสียหายก็สามารถที่จะไปฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายปกติได้ แต่การใช้กำลังที่เป็นไปตามอำนาจของเผด็จการในภาวะเช่นนี้ มันย่อมส่อแสดงให้เห็นถึงการจ้องที่จะเอาเปรียบกันทางการเมืองเหมือนอย่างที่มีการกล่าวหากันหรือไม่ ต้องไม่ลืมว่าไม่เฉพาะกรณีหนุ่มยโสธรรายนี้เท่านั้น
ในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน ยังมีกรณีนายอำเภอที่จังหวัดขอนแก่นพาผู้สมัครพรรคการเมืองบางพรรคไปหาเสียงในงานแจกบัตรคนจน ก่อนที่จะออกมาปฏิเสธว่าว่าที่ผู้สมัครคนดังกล่าวไปหาเสียงเอง ซึ่งก็ต้องถามกันตรง ๆ ว่าจะมีคนซักกี่คนที่เชื่อคำแก้ตัวแบบนี้ นอกจากนั้น ยังมีเรื่องที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไปอารักขาผู้สมัครของพรรคบางพรรค ส่วนบางพรรคถูกตามประกบจับผิดไม่ใช่การดูแลความปลอดภัย
ยังไม่นับรวมกับคำพูดสารพัดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา คำกล่าวยกหางตัวเองในลักษณะทวงบุญคุณต่อการเขียนกฎหมายให้ ส.ว.ลากตั้ง 250 เสียงมีอำนาจในการยกมือเลือกนายกรัฐมนตรี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีใครไปกระทำหรือกล่าวหา แต่เป็นพฤติกรรมที่น่าจะเรียกได้ว่า เหลิงในอำนาจ โดยเชื่อมั่นว่าไม่มีใครกล้าที่จะมาตอแยหรือเอาผิดได้
เท็จจริงประการใดไม่ทราบ จากกรณีที่ โกศล ปัทมะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.โคราช เขต 5 พรรคเพื่อไทย อ้างเจ้าของที่ดินที่ตัวเองไปขอติดป้ายขนาดใหญ่ที่อำเภอบัวใหญ่ ซึ่งมีข้อความ “พรรคเพื่อไทย จะไม่ปล่อยให้ประเทศไทย ล้าหลัง ล้มเหลว ถดถอย สิ้นหวัง” ได้ขอร้องให้ปลดป้ายลงโดยระบุว่าผู้มีอำนาจสั่ง โดยห้ามให้ความร่วมมือกับพรรคการเมืองนี้ ถ้าไม่จริงต้องชี้แจงและดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย แต่หากปล่อยผ่านให้เรื่องเงียบ เท่ากับเป็นการบ่งชี้ว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นน่าจะมีปัญหาเหมือนที่หลายคนห่วงใย
วันนี้ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่อายุย่างเข้าสู่ 99 ปี เปิดบ้านให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรัฐมนตรีพร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าอวยพรปีใหม่ โดยฝากเสียงห่วงใยผ่านนายทหารคนสนิทมาล่วงหน้า ห่วงสถานการณ์บ้านเมืองช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงต้องจับตาจะมีการสื่อสารอะไรกับหัวหน้าเผด็จการพร้อมคณะอีกหรือไม่ ทุกท่วงท่าและวาจาล้วนมีความหมายทางการเมืองทั้งสิ้น