NER ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

มีการวิเคราะห์กันว่า NER จะมีแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 4/2561 จะยังดี เนื่องด้วยคาดปริมาณขายเพิ่มขึ้นได้ราว 20-30% จากไตรมาสก่อน


คุณค่าบริษัท

มีการวิเคราะห์กันว่า บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER จะมีแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 4/2561 จะยังดี เนื่องด้วยคาดปริมาณขายเพิ่มขึ้นได้ราว 20-30% จากไตรมาสก่อน แต่คาดราคาขายเฉลี่ยจะลดลงราว 5-6% จากไตรมาสก่อน ปรับประมาณการยอดขายเพิ่มเป็น 9,694 ล้านบาทลดลง 1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากราคาขายเฉลี่ยลดลง 22% แต่หากปริมาณขายเพิ่ม 28% จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น และปรับกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 402 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 79% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,613.96 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,730.26 ล้านบาท แต่บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 121.45 ล้านบาท หรือ 0.13 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 16.07 ล้านบาท หรือ 0.02 บาทต่อหุ้น  สาเหตุที่ผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น และจากราคาซื้อวัตถุดิบของบริษัทลดลงตามราคาตลาดที่ลดลงในช่วงต้นปี 2561 เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี 2560 ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 6,575.09 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 6,363.23 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 288.12 ล้านบาท หรือ 0.31 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 8.04  บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2562 ยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากคำสั่งซื้อที่ยังเพิ่มขึ้นและการขยายกำลังการผลิตใหม่เข้ามา

โดยพบว่าทั้งปริมาณผลผลิตและการใช้ยางธรรมชาติยังเติบโตได้ จากกลุ่มรถยนต์ซึ่งเป็นผู้ใช้หลักในอุตสาหกรรมนั้นปริมาณการใช้และผลิตในปี 2562 ยังขยายตัวได้ 3.2% และ 2.7% ตามลำดับ

เป็นกลุ่มลูกค้าหลักคาดว่าการดำเนินงานของบริษัทจะยังเติบโตได้มากกว่าอุตสาหกรรม เนื่องจากได้อานิสงส์จากคำสั่งซื้อของลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมยางล้อที่มีการย้ายฐานการผลิตมาไทยทำให้การขายโดยเฉพาะจากสัญญาระยะยาว (long term) มีจำนวนมากขึ้นจากเดิมที่มี 8 รายเป็น 11 ราย มาจากทั้งลูกค้าจีนและกลุ่มเทรดเดอร์ที่เป็น 2 กลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท

พร้อมการขยายกำลังการผลิตยางแผ่นผสมจะเริ่มผลิตได้ปลายปีนี้ ทำให้ประมาณการยอดขาย 12,107 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ภายใต้ปริมาณขาย 258,000 ตันเพิ่มขึ้น 24% ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1% แนวโน้ม margin อ่อนลงเล็กน้อย และปรับกำไรสุทธิเป็น 442 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองว่า แม้ราคายางจะปรับลงแต่คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินงานอย่างมีนัยจากสต๊อกยางของบริษัทที่มากอย่างที่กังวลเนื่องจากมีคำสั่งซื้อรองรับไว้แล้ว อีกทั้งราคาปัจจุบันซื้อขายบน P/E ไม่ถึง 7 เท่า

สำหรับการดำเนินงานปี 2562 ต่ำมากเกินไปและไม่สะท้อนปัจจัยการเติบโตของการดำเนินงานที่ยังมีอย่างต่อเนื่องทั้งจากคำสั่งซื้อที่ยังเติบโตและการขยายกำลังการผลิตรองรับ แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 3.72 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ 924,780,000 หุ้น  60.05%
  2. นางทัศนีย์ ยังมีวิทยา 15,000,000 หุ้น 0.97%
  3. นางนรินทร์ จึงธนสมบูรณ์ 6,710,000 หุ้น 0.44%
  4. นางสาวนลินี แจ่มวุฒิปรีชา 6,000,000 หุ้น 0.39%
  5. นายจุลนนท์ ศรีธัญรัตน์ 5,200,000 หุ้น 0.34%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ประธานกรรมการบริษัท, กรรมการอิสระ
  2. นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  3. นายศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์ กรรมการ
  4. นางศิริรักษ์ ขาวไชยมหา กรรมการ
  5. นายกิตติศักดิ์ เจริญสินวรกุล กรรมการ

Back to top button