พาราสาวะถี

อรชุน

รุนแรงแต่ไม่เลวร้ายอย่างที่คาดการณ์ ดีใจกับพี่น้อง 16 จังหวัดที่เตรียมการรับมือกับพายุโซนร้อนปาบึก ที่ขนคลื่นลมขึ้นฝั่งเมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา โชคดีที่พายุอ่อนกำลังลงจากโซนร้อนเหลือแค่ดีเปรสชั่น ทำให้ความเสียหายที่กลัวกันก่อนหน้าน้อยกว่าที่คิด แต่ก็ยังมีหลายพื้นที่ซึ่งจะต้องเร่งฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือประชาชน โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งการไว้แล้วหลังเหตุการณ์สงบให้ดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทันที

โดยเฉพาะเกษตรกรทั้งชาวสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน รวมไปถึงภาคการประมง แต่ที่ขาดไม่ได้คือในส่วนของระบบนิเวศน์คงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์กันว่ามีอะไรที่ได้รับความเสียหายบ้าง เบื้องต้นจากการประเมินของ ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล ที่บอกว่าผลพวงจากปลาบึกทำให้เกิดผลกระทบครบครันทั้งปรากฏการณ์น้ำเบียด ปะการังฟอกขาว และขยะทะเล สิ่งเหล่านี้ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่รักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องช่วยกันตรวจสอบและฟื้นฟู

ด้านสถานการณ์ทางการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้ง ฟัง วิษณุ เครืองาม น่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายแล้วว่าเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 24 มีนาคมนี้แน่นอน เพราะทุกคำอธิบายของรองนายกฯฝ่ายกฎหมายคือ เงื่อนเวลาตั้งแต่ 24 กุมภาพันธ์ ไปจนถึง 17 มีนาคมหากมีการหย่อนบัตรจะไปกระทบต่อพระราชพิธีที่สำคัญของคนไทย เพื่อให้ทุกอย่างปลอดโปร่งก็ต้องเป็นช่วงเวลาตั้งแต่ 24 มีนาคมเป็นต้นไปถือว่าเหมาะสมที่สุด

ส่วนทางด้านกกต.ก็ยังคงเล่นบทอมพะนำ อ้างทำตามหน้าที่และหลังพิงอยู่หลักการของข้อกฎหมาย ยืนยันทั้ง 7 เสือกกต.และสำนักงานกกต.พร้อมจัดการเลือกตั้ง แต่ยังประกาศวันเลือกตั้งไม่ได้เพราะพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งส.ส.ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ว่าจะยึดยื้ออย่างไร ยังไงเสียก็ต้องประกาศกันอยู่ดี ส่วนจะเป็นวันไหนนั้นเชื่อว่าพรรคการเมืองทั้งหมดเข้าใจและทำใจกันไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว

ประเด็นเรื่องพระราชพิธีที่สำคัญของคนไทยนั้น ทุกคนทุกฝ่ายตระหนักรู้ หากก่อนหน้านั้นไม่เกิดข่าวว่ามีความพยายามจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 1 เดือน กรณีวิษณุเดินทางไปชี้แจงต่อกกต.ด้วยเหตุผลอันจำเป็น คงไม่ถูกมองเป็นอย่างอื่นและไม่ควรมองเป็นอย่างอื่น แต่เมื่อตั้งต้นด้วยท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ และกกต.ก็ทำตัวไม่เป็นอิสระ ทุกกระบวนท่ามันจึงเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะต้องเป็นเช่นนั้น

เลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดเหมือนกันจากเดิมที่กำหนดจะแถลงนโยบายเมื่อวาน แต่พลังประชารัฐพรรคในคาถาคสช.ก็ยกเลิกไปโดยอ้างเหตุพายุปาบึก โดยยังชูกรอบแนวคิดสร้าง-เสริม-ปรับ-เปลี่ยน ขยายความคือ การสร้างหลักประกันสังคมให้คนไทยได้รับสวัสดิการอย่างทั่วถึงครอบคลุม เสริมความแข็งแกร่งของประเทศ ปรับเศรษฐกิจให้แข่งขันกับเวทีโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เปลี่ยนการบริหารราชการแผ่นดินให้มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

เหลือแค่จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่จะมาเติมเต็มขบวนการสืบทอดอำนาจคือการตอบรับเป็นแคนดิเดตเพียงหนึ่งเดียวของพรรคจากหัวหน้าคสช. เพราะจับสัญญาณเวลานี้จากทีมลุยดะหาเสียงและกระบอกเสียงของพรรคที่ให้ข่าวรายวันประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจจะเข้าวินมาเป็นอันดับ 1 ชนิดที่คู่แข่งมองตาค้าง หากจับมือประชาชนกาได้คนส่วนใหญ่ก็คงจะเชื่อตามนั้น

แต่การเมืองยุคใหม่เหมือนป้ายติดท้ายตุ๊กตุ๊กที่เชียงใหม่รับเงินหมา กาเพื่อไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถ้าการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ โปร่งใสและยุติธรรม ซึ่งเมื่อประเมินจากท่าทีขององค์กรที่มีหน้าที่ในเรื่องนี้ ไม่มีใครกล้าการันตีว่ามันจะเป็นเช่นนั้น ภาพตัวอย่างจากการประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยองค์กรอิสระที่มีอำนาจเต็มแต่ต้องไปพึ่งใบบุญม.44 มันสะท้อนอะไรได้หลายประการ

มีประเด็นทักท้วงจาก สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.ผู้ผันตัวเองไปเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ต่อปมการเลื่อนเลือกตั้ง ไม่ว่าจะล่าช้าออกไปหนึ่งเดือนหรือเร็วกว่านั้น ก็ยังเชื่อว่ากกต.อยากประกาศผลการเลือกตั้งร้อยละ 95 ก่อนวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันครบ 150 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องในประเด็นต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน

ประเด็นนี้อดีตกกต.เคยทักท้วงตั้งแต่คราวปฏิบัติหน้าที่ ด้วยเหตุที่ว่ายังไม่มีใครการันตีระยะเวลา 150 วันในการจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้นั้น หมายรวมไปถึงเวลา 60 วันที่จะต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้ได้ร้อยละ 95 ด้วยหรือไม่ หากมีใครไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญแล้วตีความว่ารวมด้วย งานนี้ 7 เสือกกต.ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ

ด้วยเหตุนี้สมชัยจึงเรียกร้องต่อไปว่า ขอให้รัฐบาลยืนยันว่าจะร่วมเป็นผู้รับผิดชอบทั้งทางแพ่งและอาญา หากกกต.ประกาศผลการเลือกตั้งเกินกรอบ 150 วัน แล้วถูกฟ้องว่าเป็นการจัดเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ แต่คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความที่มีเนติบริกรรายล้อมทั้งคณะเผด็จการและรัฐบาล ทุกอย่างจึงเดินเกมกันด้วยความมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่ฝ่ายรับตีความ หากอ่านท่าทีในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา ก็พอจะเดาได้ว่าบทสรุปในแต่ละเรื่องนั้นจะออกมาอย่างไร คงไม่ต้องฉายหนังซ้ำหรือทำตัวเป็นแผ่นเสียงตกร่อง แม้กระทั่งการออกมายอมรับกันเองของคนที่เคยเป็นประธานขององค์กร บางเรื่องตัดสินไปตามกระแสไม่ได้ยึดหลักกงหลักการอะไรทั้งสิ้น นี่เป็นเครื่องหมายยืนยันถึงการปฏิบัติงานได้เป็นอย่างดีว่าแต่ละเรื่องนั้นมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร มิเช่นนั้น คงไม่มีเรื่องของถนนลูกรังมาปนกับการตัดสินเรื่องรถไฟความเร็วสูงให้คนหัวเราะเยาะ

เห็นด้วยกับ ไพศาล พืชมงคล ที่บอกการเลื่อนกำหนดการเลือกตั้งหรือไม่ประการใด ไม่บังควรที่จะอ้างการพระราชพิธี กกต.ต้องใคร่ครวญทบทวนให้ดีการเลื่อนจาก 24  กุมภาพันธ์จะเป็นประโยชน์อะไรกับใครที่ตรงไหน ต้องคิดถึงบรรยากาศในการเลือกตั้งให้ไกลออกไปจากพระราชพิธี ไม่ใช่คำนึงว่าใครจะเป็นรัฐบาลในช่วงการพระราชพิธี ซึ่งจะเป็นความคิดที่ไม่ได้ถือเอาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นที่ตั้ง